ลงทุนให้สำเร็จ…ต้องปิดจุดอ่อนก่อนก้าวต่อ
ในการแข่งขันกีฬาทุกชนิด โดยเฉพาะกีฬายอดฮิตของคนไทย คือวอลเลย์บอลและฟุตบอลนั้น เราจะเห็นว่า เมื่อทีมชาติไทยแข่งกับทีมที่เก่งๆ ในระดับโลก เราก็จะชนะบ้างและแพ้บ้าง
ในระหว่างเกม สิ่งที่สตาฟโค้ชต้องทำหน้าที่อย่างเข้มข้นก็คือ การหาจุดอ่อนของคู่แข่ง เพื่อที่จะได้ใช้จุดนั้นสร้างโอกาสทำคะแนนให้กับทีมเรา ในขณะเดียวกันก็ต้องรู้ว่าทีมของเราเองมีรูรั่วตรงไหนบ้าง เพื่อที่จะจัดคนจัดทีมเฉพาะหน้านั้นให้อุดรูรั่วให้ได้
โค้ชคนใดทำได้เช่นนั้น ก็มีโอกาสนำพาทีมของตนไปสู่ชัยชนะได้
และด้วยหลักคิดที่ว่านี้ หากทีมของเราเจอทีมคู่แข่งที่ด้อยฝีมือ เราก็แทบจะไม่เจอจุดอ่อนหรือรูรั่วของทีมเราเลย เนื่องจากทีมคู่แข่งมีรูรั่วมากกว่า ทำให้เราคว้าชัยได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ถึงกระนั้น โค้ชที่เก่งกาจสามารถ ก็จะต้องหาจุดอ่อนหรือรูรั่วของทีมตัวเองให้ได้ จะน้อยจะมากไม่ว่ากัน เพราะการพบจุดอ่อนจากการเจอทีมที่อ่อนกว่า นั่นหมายความว่า จุดนั้นจะไม่ใช่แค่ ‘จุดอ่อน’ แต่จะเป็น ‘จุดตาย’ เมื่อเจอกับทีมที่แข็งแกร่งกว่า
การเจอคู่แข่งที่เก่งน้อยกว่า จึงไม่ได้ช่วยพัฒนาทีมเท่าที่ควร เหตุเพราะเราจะพบจุดอ่อนของทีมตัวเองน้อยนั่นเอง เมื่อโค้ชไม่เห็นจุดอ่อนของทีมอย่างครบถ้วน การวางแผนฝึกซ้อมเพื่อปิดจุดอ่อนจึงทำได้ไม่ครอบคลุม และจุดอ่อนที่มองไม่เห็นในขณะฝึกซ้อม ก็จะไปปรากฏขึ้นเมื่อแข่งขันจริงกับทีมเก่งๆ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น หากแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าไม่ทัน นั่นหมายความว่าความพ่ายแพ้กำลังมาเยือน
นั่นคือเหตุผลที่ว่า ทำไมการพัฒนาทีมกีฬาจึงจำเป็นที่จะต้องนำพาทีมของเราให้ได้มีประสบการณ์แข่งขันกับทีมที่เก่งกว่าแข็งแกร่งกว่า ก็เพื่อจะได้ฝึกซ้อม ฝึกฝน จัดคน จัดทีม ให้ได้ตรงจุด ไม่ใช่เพียงแค่ฝึกซ้อมขั้นพื้นฐานแบบที่ทีมไหนๆ ก็ต้องทำกันอยู่แล้ว
ในการ ลงทุน ก็เช่นกัน หากเราไม่รู้ตัวเองว่ามีจุดอ่อนด้านการลงทุนอยู่ตรงไหน โอกาสที่จะคว้าชัยจากการลงทุนก็ย่อมเป็นไปได้ยาก
ยกตัวอย่างการลงทุนทำธุรกิจร้านอาหาร การจะขยายธุรกิจให้เติบโตจากหนึ่งร้าน เป็นสองร้าน สามร้าน หรือเป็นสิบๆ ร้านได้นั้น จะต้องปิดจุดอ่อนจากการเปิดร้านแรกให้ได้ก่อน เพราะเมื่อเปิดร้านมากขึ้นก็จะเจอจุดอ่อนมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ปิดจุดอ่อนหรือรูรั่วตั้งแต่แรก การแก้ปัญหาพร้อมๆ กันหลายจุดนอกจากจะยากขึ้นแล้ว ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหามากขึ้นด้วย ซึ่งหากแก้ไม่ได้ ความเสียหายอาจจะมากมายถึงกับทำให้ล้มละลายได้เลย
ปัญหาหลักของร้านอาหารส่วนใหญ่ก็คือที่จอดรถ หากคนที่ลงทุนทำธุรกิจร้านอาหารลืมคำนึงถึงเรื่องนี้ แล้วไปเปิดหลายสาขาที่มีปัญหาที่จอดรถเหมือนๆ กัน ไม่ว่าอาหารจะอร่อยแค่ไหน จะมีใครๆ ชวนชิม จะได้ประกาศนียบัตรกี่ใบ ก็ไปไม่รอด อย่างนี้เป็นต้น
หรืออย่างการลงทุนในหุ้น แต่ละคนย่อมมีจุดอ่อนไม่เหมือนกัน บางคนมีจุดอ่อนอยู่ที่กำลังทรัพย์ บางคนอยู่ที่ความรู้ บางคนอยู่ที่การวิเคราะห์ บางคนอยู่ที่การตัดสินใจ ซึ่งทำให้โอกาสกำไรหรือขาดทุนของแต่ละคนแตกต่างกัน
คนที่มีจุดอ่อนอยู่ที่กำลังทรัพย์ คือมีเงินลงทุนไม่มาก ก็จะต้องเจียมเนื้อเจียมตัวให้มาก อย่าหน้าใหญ่ใจโตลงทุนจนหมดหน้าตัก เพราะหากเสียหลักก็จะล้มไม่เป็นท่า อาจถึงขั้นต้องกู้หนี้ยืมสินจนดิ้นไม่หลุดจากบ่วงหนี้
คนที่มีจุดอ่อนที่ความรู้ ก็จะต้องแก้ปัญหาตรงนี้ก่อน อาจจะต้องพึ่งพาบรรดากูรูหรือนักวิเคราะห์มากหน่อย
คนที่มีปัญหาด้านการวิเคราะห์ ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ทั้งปัจจัยพื้นฐานและปัจจัยทางเทคนิค ก็ต้องเลี่ยงที่จะลงทุนด้วยตัวเอง โดยใช้การลงทุนผ่านกองทุนรวมซึ่งเขามีนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญการลงทุนพร้อมกว่าเรา
ส่วนคนที่มีจุดอ่อนอยู่ที่การตัดสินใจ เป็นคนที่ตัดสินใจซื้อผิดจังหวะหรือขายผิดจังหวะอยู่บ่อยๆ ก็ต้องแก้ด้วยการลดจังหวะการเข้าออก ต้องไม่ซื้อขายบ่อยเกินไป รอจนกว่าจะแน่ใจว่าราคาต่ำจริงๆ จึงเข้าซื้อ แบบนี้เป็นต้น
หวังว่าแนวคิดเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ ช่วยให้ทุกท่านได้คิดปิดจุดอ่อน ก่อนจะก้าวไกลต่อไปในการ ลงทุน ครับ
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก