ห้องเม่าปีกเหล็ก

ถือ KEX แค่ 6 เดือน เงินหาย 21.85%

โดย ัyoda
เผยแพร่ :
146 views

ถือ KEX แค่ 6 เดือน เงินหาย 21.85%

นักวิเคราะห์ผสานเสียง แนะนำ “ขาย”

หวั่นผลงานยังไม่สดใส - สงครามราคายังยืดเยื้อ

 

.

บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ถือหนึ่งในบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์หรือเป็นผู้จัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชน ที่นักลงทุนไทยหลายๆ คนได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก หรือบางคนเองยกให้เป็นหุ้นขวัญใจอีกหนึ่ง

.

แต่ถึงแม้ว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากน้อยเพียงใด ราคาหุ้นเองกลับไม่ได้ตอบกลับความคาดหวังจากนักลงทุนมากนัก โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นกลับมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องหรือมองย้อนกลับไป 6 เดือน (3 สิงหาคม 2565 - 3 กุมภาพันธ์ 2566) ที่ลดลงถึง 21.85% หรือมาอยู่ที่ระดับราคา 18.60 บาท

.

ทั้งนี้ทำให้นักลงทุนเอง ก็ตั้งข้อสงสัยว่า KEX นั้นยังคงอยู่ในเรดาร์การลงทุนต่อไป หรือควรจะใช้กลยุทธ์การลงทุนเช่นไรในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาเช่นนี้ โดยในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงจะขอใช้โอกาสนี้ในการพานักลงทุนและผู้อ่านไปไขข้อสงสัยพร้อมๆกัน ผ่านมุมมองผู้เชี่ยวชาญ

.

เริ่มจากมุมมองของนักวิเคราะห์บล.กสิกรไทย ให้คำแนะนำ “ขาย” ที่ราคาเป้าหมาย 16.57 บาท โดยมีปัจจัยลดตัวคูณมูลค่า อย่าง สงครามราคาที่ยืดเยื้อ, ยอดขายอีคอมเมิร์ซที่อ่อนแอจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ,การเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและระยะเวลาคุ้มทุนที่ช้ากว่าคาด และฐานะการเงินที่อ่อนแอจากกระแสเงินสดติดลบที่ยืดเยื้อ

.

สำหรับคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 4/65 ของ KEX จะรายงานผลขาดทุนปกติที่ลดลงที่ 333 ล้านบาท เทียบกับผลขาดทุนปกติจำนวน 606 ล้านบาทในไตรมาส 4/64 และผลขาดทุนปกติที่ 671 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 จึงคาดว่าจะเห็นดาวน์ไซด์ต่อประมาณการผลขาดทุนปกติปี 2565

.

ด้านนักวิเคราะห์บล.ทิสโก้ ให้คำแนะนำ “ขาย” เช่นกัน กำหนดราคาเป้าหมาย 15 บาท เนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการของ KEX ยังดูไม่สดใส โดยในปี 2565 ไม่มีฤดูกาลการขนส่งพัสดุซึ่งปกติจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในประเทศไทย ประเทศจีนและหลายๆประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

.

ดังนั้นจึงคาดการเติบโตของปริมาณพัสดุในปี 2565 อาจจะไม่มีการเติบโตสูงอย่างปี 2564 และคาดว่ารายได้และผลประกอบการปี 2565-2567 โดยมีสมมติฐานการเติบโตปริมาณพัสดุที่ 15%, 4.5% และ 10% ในปี 2565-2567 และรายได้ต่อชิ้นที่เติบโตลดลง 22%, ลดลง 1% และลดลง 4% ตามลำดับ

.

ส่วนสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2565 ยังคาดติดลบที่ 8.2% และ 8.5% ในปี 2566 และ 10.7% ในปี 2567 ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อรายได้อยู่ที่ 9.6%, 7.2% และ 7% ในปี 2565-2567 ตามลำดับ

 


ัyoda