ห้องเม่าปีกเหล็ก

KBANK ผนึก JMT ลุยธุรกิจบริหารหนี้

โดย คเณชา
เผยแพร่ :
67 views

KBANK ผนึก JMT ลุยธุรกิจบริหารหนี้ ตั้งเป้าปี 68 มีพอร์ตบริหารหนี้ 1 แสนล้านบาท ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งในธุรกิจ AMC

เช้าวันนี้ (29 มิ.ย. 65) KBANK และ JMT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงความคืบหน้าการร่วมทุน 10,000 ล้านบาท จัดตั้งบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนแห่งแรกในไทย ระหว่างธนาคารพาณิชย์และบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ตามนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย คาดสิ้นเดือนมิ.ย. นี้ JK AMC จะรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจาก KBANK ราว 30,000 ล้านบาท และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/65 พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2568 พอร์ตบริหารหนี้แตะ 100,000 ล้านบาท และขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่ม AMC


โดย JK AMC เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด บริษัทย่อยของ บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และ บริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK โดยถือหุ้นในสัดส่วน 50% ต่อ 50% ปัจจุบัน JK AMC มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท


ทั้งนี้ การจัดตั้ง JK AMC มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพตามกฎหมายและเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยจะรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ซึ่งรวมถึงทรัพย์สินรอการขายทั้งจากบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของ KBANK สถาบันการเงินอื่นและบริษัทอื่น ทั้งลูกหนี้มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขของกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง


นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด กล่าวว่า JK AMC มีเงินทุนเริ่มต้นในการจัดตั้งบริษัทจำนวน 10,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซื้อหนี้เสียทั้งที่มีหลักประกัน (Secure) และไม่มีหลักประกัน (Unsecure) จากธนาคารกสิกรไทย สถาบันการเงิน หรือบริษัทอื่นๆ มาบริหารจัดการ โดยตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นเป็นอันดับ 1 ของธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และมีพอร์ตบริหารสินทรัพย์รวมแตะ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2568


“ทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท คาดจะรองรับการซื้อหนี้เข้ามาบริหารได้ราว 3 เท่า หรือประมาณ 30,000 ล้านบาท ซึ่งเรามีแผนที่จะเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นหากมีโอกาสในอนาคตเราอาจพิจารณาการเพิ่มทุนอีกครั้ง”


สำหรับการดำเนินงานของ JK AMC บริษัทได้ซื้อหนี้เสียที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกันจากธนาคารกสิกรไทยเข้ามาแล้วจำนวน 30,000 ล้านบาท คาดจะเสร็จสิ้นการโอนในสิ้นเดือนมิ.ย. นี้ รวมถึงยังมีแผนที่จะเข้าประมูลหนี้จากสถาบันการเงินอื่นๆ เพิ่มเติม โดยคาดว่าบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/65 เป็นต้นไป


ขณะที่ภาพรวมอุตสาหกรรม NPL ในระบบทรงตัวต่อเนื่องมา 2 ไตรมาส โดย NPL ของรายย่อยทั้งระบบอยู่ที่ราว 2.9% คาดว่าหลังไตรมาส 3/65 แนวโน้มหนี้เสียจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากในอุตสาหกรรมมีลูกหนี้ที่อยู่ใน state 2 ทั้งหมด 7% จึงคาดว่าคาดระดับ NPL ทั้งระบบจะทยอยเพิ่มขึ้นไปจนถึงต้นปีหน้า


นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ หรือ NPL มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น การร่วมลงทุนกับกลุ่ม JMT จัดตั้งบริษัท JK AMC ขึ้นมาจึงเป็นอีกทางเลือกในการบริหารหนี้เสียของธนาคาร เพิ่มเติมจากการบริหารจัดการเองภายใน หรือการเปิดประมูล โดยธนาคารจะเลือกวิธีการบริหารที่มีประสิทธิภาพและให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ในส่วนของการขายหนี้เสียให้ JK AMC นอกจากธนาคารจะได้รับเงินจากการขายหนี้แล้ว ธนาคารจะได้รับส่วนแบ่งจากผลกำไรของการบริหารหนี้จาก JK AMC ด้วย ในฐานะผู้ถือหุ้น JK AMC ในสัดส่วน 50% ซึ่งธนาคารลงทุนผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด


ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยมีแผนโอนขายหนี้ NPL ให้ JK AMC จำนวน 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2565 ซึ่งการขายหนี้ในครั้งนี้ จะส่งผลให้ NPL และการตั้งสำรองในอนาคตของธนาคารลดลง ทำให้ธนาคารมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มจากการปล่อยสินเชื่อใหม่ได้


ด้านนายปิยะ พงษ์อัชฌา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) และกรรมการ JMT กล่าวว่า JK AMC ถือเป็นบริษัทร่วมทุนแห่งแรกในไทยที่ได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ด้วย JMT มีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารกสิกรไทยมายาวนาน มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในธุรกิจนี้ รวมทั้งยังมีบริษัทในเครือที่จะช่วยให้ JK AMC ดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายและมีต้นทุนที่แข่งขันได้ นอกจากนี้การจัดตั้ง JK AMC ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือผ่านข้อเสนอการชำระหนี้ที่เหมาะสม เมื่อปรับตัวดีขึ้นก็จะสามารถกลับมาขอสินเชื่อในระบบต่อไป


อย่างไรก็ตาม JMT จะเริ่มรับรู้รายได้จาก JK AMC ตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป และปี 2566 จะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี คาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของ JMT เติบโตแบบ J-curve

 


คเณชา