CUT LOSS ยังไง….ไม่เด้งใส่หน้า

เคยเป็นไหมเวลาตั้งจุด CUT LOSS ทีไร พอเราคัทมันเสร็จ ราคาลงต่อไปอีกหน่อย สุดท้ายหันมาดูอีกที ราคาขึ้นมาและ พุ่งผ่านจุดที่เรา CUT LOSS

มิหนำซ้ำ ราคาพุ่งเบรก HIGH เดิม ได้แต่มองตาปริบ ๆ แบบนี้เรียก “คัทแล้วเด้งใส่หน้า”

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?

เพราะเราตั้ง CUT LOSS เป็น “เปอร์เซ็นต์” ไม่ได้ตั้งเป็น “จุด”

หมายความว่ายังไง…ลองดูในภาพ “คนส่วนใหญ่ในตลาดมองว่าหุ้นตัวนี้มีฐานคือจุด C”

คอนเซปต์เดิม ตลาดหุ้นคือ “จิตวิทยา” คือการเดาใจคนหมู่มากว่าให้ราคากับหุ้นตัวนี้เท่าไหร่

ดังนั้นถ้าราคาหุ้นตัวนี้ย่อลงมา ก็อนุญาตให้มันย่อลงมาไม่ลึกไปกว่าจุดนี้ พอมาถึงจุดนี้ค่อยวัดใจกันอีกที ว่าตลาดจะให้ลงต่อหรือพอแค่นี้

และจุดนี้มักจะเป็น “ฐาน” สำคัญที่ห้ามหลุด ลองดูในอดีตที่มันเคย “ย่ำ ๆๆๆๆๆ” พอมันลงมาอีกครั้งจึงเป็น “จุดวัดใจ” และเป็น “ฐาน” ที่แข็งแกร่ง

สมมุติเราเข้าไปซื้อหุ้นที่ “จุด A” แล้วเราตั้งเอาไว้ว่า ถ้ามันผิดทาง ย่อลงมา 3% จากราคาที่เราซื้อ ซึ่งเป็นราคาที่ “จุด B”

พอมันลงมาที่จุด B ปุ๊บ เรา CUT LOSS ซึ่งจุดนี้ เป็นจุดที่เรา “คิดของเราเอง” แต่คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้มองที่จุดนี้แบบเรา ดังนั้นราคามันจึงสามารถไหลลงต่อถึงจุด C แล้วก็ไม่พังฐาน สุดท้ายก็เด้งกลับและ เบรก High กลับมา UPTREND ตามเดิม

ดังนั้น ตั้ง CUT LOSS เป็นจุด หรือเป็นโซน และต้องเป็นบริเวณที่คนส่วนใหญ่เขา “คิดเหมือน ๆ กัน”

ไม่ใช่ตั้งเป็น เปอร์เซ็นต์ ที่เราคิดของเราเพียงคนเดียว

หลายคนอ่านแล้วถามต่อ “อ้าว แบบนี้ไม้แรกมันก็ติดลบเกิน 3% นะสิ ไหนว่าติดลบเกิน 3% ต้องคัทไง ?”

คำตอบคือ…ที่จริง 3% น่ะหมายถึง 3% โดย OVERALL ทั้งพอร์ตต่างหากล่ะ

ดังนั้น หน้าที่ของเราก็คือ “คำนวณ” ว่าเราจะแบ่งเงินมาซื้อหุ้นตัวนี้ราคาเท่าไหร่ และจะขาดทุนได้เท่าไหร่

และ “ไม้แรก” ของการซื้อหุ้นตัวนี้ ขาดทุนได้เท่าไหร่ ถ้ามันลงมาถึงจุด C

และเราจะ “ใช้เงินเท่าไหร่ในการซื้อ”

ซึ่งบางทีคำนวณมา อาจขาดทุนมากกว่านั้น เช่น 5%, 7% หรือ 10% ก็ได้….แต่ ถ้ามันลงมาถึงจุด C

มันจะไม่ได้ทำให้ทั้งพอร์ตขาดทุนเกิน 3%

ย้ำ OVERALL คือทั้งพอร์ตต้องไม่ขาดทุนเกิน 3%

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก..

FB.รวยหุ้นง่าย ๆ สไตล์ Dr.A