ห้องเม่าปีกเหล็ก

สกุลเงินดิจิทับ ..ใกล้ตัวเราแค่ไหน?

โดย dave
เผยแพร่ :
79 views

‘สกุลเงินดิจิทัล’ ใกล้ตัวเราแค่ไหน?
นางสาวฐิติมา ชูเชิด
ฝ่ายนโยบายการเงิน
ธนาคารแห่งประเทศไทย

 


ครั้งที่แล้วได้คุยถึง “เงินดิจิทัล (digital money)” ในประเทศไทย เช่น เงินใน e-wallet บัตร 7-11บัตรรถไฟฟ้า ไว้ว่าคนไทยเปิดรับท าให้เติบโตเร็วมาก วันนี้จึงอยากถือโอกาสชวนผู้อ่านคุยเรื่องต่อเนื่องเกี่ยวกับ“สกุลเงินดิจิทัล (digital currencies)” ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวแค่ไหน

 

 


สกุลเงินดิจิทัล vs เงินดิจิทัล?


ทั้งสองอย่างเหมือนกันตรงค าว่า “ดิจิทัล” ที่จับต้องไม่ได้แต่มีตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ความต่างคือ“เงินดิจิทัล” มีเงินสกุลท้องถิ่นหนุนหลัง เช่น ต้องน าเงินบาทมาช าระผู้ให้บริการ e-money ก่อนใช้ช าระค่าสินค้า จึงมีหน่วยเป็นเงินสกุลท้องถิ่นและมีมูลค่าแน่นอน


“สกุลเงินดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี (cryptocurrency)” เช่น บิทคอยน์ (Bitcoin) เป็นสกุลเงินใหม่ที่สร้างขึ้นจากกลไกคณิตศาสตร์ที่ก าหนดจ านวนไว้จ ากัด ต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์ถอดรหัสเพื่อน าเงินออกจากกลไก สกุลเงินใหม่นี้สร้างขึ้นเพื่อลดการรวมศูนย์ของระบบการช าระเงินผ่านสถาบันการเงินให้สามารถกระจายไปยังผู้ใช้ในเครือข่ายสกุลเงินนั้นๆ ได้ โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน (blockchain) ติดตามการเคลื่อนไหวของเงินแม้จะไม่มีตัวกลางและสามารถป้องกันการปลอมแปลงได้ด้วย การช าระ/โอนเงินจึงอยู่แค่ภายในเครือข่าย ซึ่งมีข้อดีที่รวดเร็ว ต้นทุนต่ า และปลอดภัย แต่ธนาคารกลางส่วนใหญ่ยังไม่รับรองว่าบรรดาคริปโทเคอร์เรนซีที่เอกชนสร้างขึ้นมา สามารถใช้ช าระหนี้ได้ตามกฎหมาย คริปโทเคอร์เรนซีจึงท าหน้าที่ของเงินได้ไม่ครบ เพราะยังไม่เป็นสื่อกลางในการช าระเงินและไม่ถูกใช้เป็นหน่วยก าหนดราคาสิ่งของแถมมูลค่ายังผันผวนมาก แต่ถ้าเป็น “สกุลเงินดิจิทัลที่ธนาคารกลางออกใช้(central bank digital currency:
CBDC)” จะมีคุณสมบัติของเงินที่ครบถ้วนเพราะมีมูลค่าแน่นอนใช้แทนสกุลเงินท้องถิ่นได้ตามกฎหมาย


ทำไมสกุลเงินดิจิทัลจึงเริ่มเป็นที่สนใจ?


ความนิยมใช้คริปโทเคอร์เรนซีอาจเห็นได้ชัดในประเทศที่คนไม่ค่อยเชื่อถือในเงินสกุลท้องถิ่นและไม่มั่นใจในเสถียรภาพระบบการเงินในประเทศ เช่น ประเทศเวเนซุเอลาที่ประสบวิกฤตเศรษฐกิจ เผชิญกับเงินเฟ้อสูงมากเกือบ 1 ล้านเปอร์เซ็นต์ในปี 2561 ท าให้เงินโบลีเวีย (Bolevar) ซึ่งเป็นสกุลเงินท้องถิ่นแทบไม่มีค่า คนจึงหนีภาวะเงินเฟ้อในสกุลเงินโบลีเวียและขาดความเชื่อมั่นในการบริหารของรัฐไปถือคริปโทเคอร์เรนซีแม้รัฐบาลจะออกสกุลเงินดิจิทัลแห่งชาติชื่อ “Petro coin” ที่หนุนหลังด้วยมูลค่าบ่อน้ ามันของรัฐ แต่ก็ไม่
ประสบความส าเร็จที่จะดึงให้คนกลับมาเชื่อถือในเงินของรัฐได้


ส าหรับเงินสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) โดยทั่วไปจะออกเพื่อ 3 วัตถุประสงค์1คือ


(1) ไม่ให้เกิดการผูกขาดและลดความเสี่ยงในระบบการช าระเงินจากการพึ่งพาบริการทางการเงินภาคเอกชนมากไป ซึ่งมักเกิดกับประเทศที่คนไม่ค่อยใช้เงินสดแล้ว เช่น สวีเดนที่มีแผนจะออกสกุลเงิน e-krona

(2) ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพระบบการช าระเงิน (3) เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน ทั้งนี้แต่ละธนาคารกลางอาจก าหนดรูปแบบของ CBDC ต่างกัน โดยเฉพาะการให้ดอกเบี้ยบัญชีเงินฝาก CBDC ที่ธนาคารกลาง(interest-bearing) ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการด าเนินนโยบายการเงินในช่วงเศรษฐกิจขาลง โดยลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากให้ติดลบได้ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารกลางไม่สามารถท าได้ในสังคมใช้เงินสด เพราะคนสามารถเปลี่ยนไปถือเงินสดแทนการเก็บเงินไว้ในบัญชีเงินฝากแล้วถูกเก็บดอกเบี้ย นอกจากนี้ รายงานส ารวจพบว่าธนาคารกลางส่วนใหญ่ในโลกติดตามการใช้คริปโทเคอร์เรนซีของคนในประเทศอย่างใกล้ชิดและมีการศึกษา CBDC2เตรียมไว้เผื่อต้องออกใช้แม้มีส่วนน้อยที่มีแผนจะออกใช้จริง โดยให้เหตุผลด้านความมั่นคงและการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการช าระเงินเป็นอันดับแรก และมองเหตุผลด้านนโยบายการเงินเป็นเรื่องรอง


การใช้สกุลเงินดิจิทัลในประเทศไทย


ปัจจุบันการใช้คริปโทเคอเรนซีในไทยเพื่อธุรกรรมช าระเงินยังมีจ ากัด และเริ่มมีคนไทยที่ผลิตคริปโทสัญชาติไทยได้เช่น Zcoin ส่วนนักลงทุนไทยเริ่มรู้จักคริปโทที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 โดยมีส านักงานคณะกรรมการก ากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.)กำกับดูแลการขึ้นทะเบียนของผู้ประกอบการซื้อขายคริปโทในไทย และเตือนผู้สนใจลงทุนในคริปโทว่ามีความเสี่ยงสูง ต้องมีความรู้และรับความเสี่ยงที่อาจสูญเงินลงทุนได้


นอกจากนี้ ธปท. ได้เปิดตัวโครงการอินทนนท์ที่เป็นการทดสอบระบบการโอนเงินระหว่างสถาบันการเงินโดยใช้CBDC จ าลอง (wholesale CBDC) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นฐานระบบการช าระเงินและเพิ่งรายงานผลการทดสอบระยะที่ 1 ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ 8 แห่งในการโอนเงินระหว่างกันและการบริหารสภาพคล่องในช่วงเดือนสิงหาคม 2561 – มกราคมปีนี้พบว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการช าระเงินของไทย แต่การจะน าระบบนี้มาใช้งานจริงต้องใช้เวลาทดสอบขีดความสามารถและศึกษาผลกระทบเพิ่มเติม พร้อมประกาศเตรียมทดสอบระยะที่ 2 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นี้ถึงตอนนี้คงพอบอกได้ว่าสกุลเงินดิจิทัลเริ่มใกล้ตัวคนไทยมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มองว่าเป็นทางเลือกในการลงทุนและกล้ารับความเสี่ยง ส่วน ธปท. เริ่มเห็นประโยชน์จาก wholesale CBDC ในการเพิ่มประสิทธิภาพระบบการช าระเงินระหว่างสถาบันการเงิน แต่การออก CBDC ให้ประชาชนใช้อาจยังดูไกลตัว ตราบใดที่การใช้คริปโทยังไม่สร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระบบการเงิน รวมถึงคนไทยยังมั่นใจในการใช้สกุลเงินบาท และความมั่นคงในระบบการช าระเงินของประเทศอยู่
--------------------------------------------------------------
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่จ าเป็นต้องสอดคล้องกับข้อคิดเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย

 

 

ที่มาเนื้อหาบทความจาก...www.bot.or.th


dave