ห้องเม่าปีกเหล็ก

STGT ประกาศซื้อหุ้นคืนหุ้นเลยลง ทำไมไม่ประกาศว่าจะทำเหมือง Bitcoin หุ้นอาจจะขึ้นก็ได้

โดย slark
เผยแพร่ :
81 views

STGT บอร์ดไฟเขียวทุ่ม 3.6 พันล้านบาท ซื้อหุ้นคืน จัดหนักปันผลงวดไตรมาส 4/2564 ที่ 0.65 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2564 ทำนิวไฮ มีกำไร 2.37 หมื่นล้านบาท และมีรายได้ 4.75 หมื่นล้านบาท จากดีมานด์ถุงมือยางและราคาขายที่เพิ่มขึ้น ด้านโบรกประเมินการซื้อหุ้นคืน ช่วยลดความผันผวนของราคาหุ้น พร้อมปรับลดประมาณการกำไรปี 2565-2566 ลง สะท้อนราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยที่ลดลงสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19

 

นางสาวธนวรรณ  เสงี่ยมศักดิ์  กรรมการและผู้อำนวยการสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน ในวงเงินที่จะซื้อไม่เกิน 3,600 ล้านบาท ในจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 120 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.2% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

 

ทั้งนี้จะเป็นการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงเวลาตั้งแต่ 7 มีนาคม ถึง 6 กันยายน 2565 การซื้อหุ้นคืนดังกล่าว เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัท ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด, การซื้อหุ้นคืนจะแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินธุรกิจ และการสร้างรายได้ในอนาคต

 

นอกกจากนี้คณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4/2564 ในอัตราหุ้นละ 0.65 บาท ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 19เมษายน 2565และวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 20 เมษายน 2565 โดยจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 พฤษภาคม 2565 ทั้งนี้บริษัทมีการจ่ายเงินปันผลทั้งปี 2564 ที่ 4.65 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 13,305.61 ล้านบาท

 

*กำไรปี 64 ทำนิวไฮ

 

สำหรับผลดำเนินงานในปี 2564 STGT มีกำไรสุทธิ 23,704.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.4%ซึ่งถือเป็นกำไรสุทธิสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ส่วนรายได้อยู่ที่ 47,550.8 ล้านบาท เติบโต 55.6%การเติบโตเป็นไปตามความต้องการในการบริโภคถุงมือยางที่แข็งแกร่ง และโตอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาคทั่วโลกจากการใช้งานที่หลากหลายอุตสาหกรรม ส่งผลให้ราคาขายถุงมือยางในตลาดโลกปรับเพิ่มสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งราคาขายเฉลี่ยเติบโตอยู่ที่ 1,739.2บาทต่อพันชิ้น ขยายตัว 56.5%

 

ส่วนเป้าหมายภายในปี 2565 บริษัทจะขยายกำลังการผลิตติดตั้งอยู่ที่ราว 48,000 ล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นอัตราการเติบโตปี 2563 ที่ 45.5% ส่วนในปี 2567 มาอยู่ที่ 80,000 ล้านชิ้น ซึ่งบริษัทมีแผนขยายตลาดอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าไว้ที่มากกว่า 190 ประเทศภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่ 170 ประเทศทั่วโลก

 

*หั่นกำไรปี 2565-2566

 

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง STGT ว่า มีกำไรสุทธิไตรมาส 4/2564 ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 59.4% จากไตรมาส 3/2564และเป็นระดับที่ต่ำกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดคาด เนื่องจากรายได้รวมที่ปรับตัวลดลง จากราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยงวดไตรมาส 4/2564 ปรับลงถึง 30.6% จากไตรมาส 3/2564 มาที่ 1.07บาทต่อชิ้น ซึ่งแย่กว่าที่คาดไว้ที่ 1.15 บาทต่อชิ้น เนื่องจากผู้ประกอบการถุงมือยางสังเคราะห์รายใหญ่ในมาเลเซียและจีน ปรับลดราคาถุงมือยางสังเคราะห์ลง รวมถึงลูกค้าบางส่วนก็ชะลอคำสั่งซื้อออกไป

 

ทั้งนี้ได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-2566 ลง 35.5% และ 44.2% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนการปรับลดสมมติฐานราคาถุงมือยางเฉลี่ยที่ลง สู่ระดับใกล้เคียงช่วงก่อนโควิด-19 มากขึ้น โดยราคาขายถุงมือยางเฉลี่ยก่อนโควิดอยู่ที่ราว 0.6-0.7บาทต่อชิ้น และปรับเพิ่มสมมติฐานค่าใช้จ่ายขึ้น สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายขนส่งที่สูงกว่าคาด จากปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน

 

ทั้งนี้ได้ปรับลดคำแนะนำเป็น “ขาย” และปรับราคาเป้าหมายลงมาอยู่ที่ 25 บาทต่อหุ้น จากเดิม 30 บาทต่อหุ้น ส่วนกรณีที่บริษัทประกาศซื้อหุ้นคืน รวมถึงการจ่ายเงินปันผล มองว่าจะช่วยลดความผันผวนของราคาได้


slark