สุดช็อก! ถือ JMT จากต้นปีทุนหาย 51%
โบรกฯ มองสวน ชวนเคาะ “ซื้อ”
เชื่อหุ้นรับความกังวลไปมากแล้ว

.
หากพูดถึงความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นรายตัวในช่วงที่ภาวะตลาดเข้าสู่ขาลงหรือช่วงที่ตลาดมีการปรับฐานลงมานั้น จะพบว่ามีหุ้นไม่น้อยที่จะปรับตัวลดลงตามทิศทางเดียวกันกับตลาด รวมไปถึงในเวลาเดียวกันก็มีหุ้นจำนวนหนึ่งที่จะปรับตัวลดลงมากกว่าตลาดด้วยเช่นกัน
.
จากการสำรวจข้อมูลทางเราก็พบว่า บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ก็เป็นหนึ่งหุ้นที่ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วง 10 วันย้อนหลัง(9 ต.ค.66 ถึง19 ต.ค.66) โดยปรับตัวลดลงกว่า 28.11%
.
แต่ก็ไม่ใช่การปรับตัวลดลงแรงที่สุดของราคาหุ้น เพราะหากย้อนไปดูตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (ณ วันที่ 19 ต.ค.66) จะพบว่ามีการปรับตัวลงมาแล้วกว่า 51.81% จนทำให้ราคาหุ้นมาอยู่ที่ 33.25 บาท ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีนักลงทุนไม่น้อยตั้งข้อสงสัยว่าการปรับตัวที่รุนแรงนั้น จะเป็นโอกาสให้ลงทุนได้หรือไม่ ทางเราจะพาไปดูมุมมองจากนักวิเคราะห์กัน
.
โดยบริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ได้ให้คำแนะนำ “ซื้อ” และกำหนดราคาเป้าหมายที่ 70 บาท ซึ่งราคาหุ้นในปัจจุบันได้สะท้อนความกังวลไปมากแล้ว จากความกังวลว่ากำไรไตรมาส 3/66 อาจไม่ทำสถิติใหม่ ซึ่งนักลงทุนระยะยาวอาจจะใช้โอกาสนี้ทยอยสะสม หรือ ซื้อถัวเฉลี่ยได้ โดยดูจากแรงขายที่เบาลงและงบไตรมาส 3/66 ในการประกอบการตัดสินใจ
.
สำหรับภาพธุรกิจครึ่งปีหลังปี 66 คาดว่า JMT จะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเพิ่มได้อีก 3 หมื่นล้านบาท ทำให้พอร์ตแตะ 5 แสนล้านบาท พร้อมกับคงประมาณการกำไรปี 2566 ไว้ตามเดิมที่ 2.32 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 33.4% และในปี 2567 ที่ 2.87 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 24.7%
.
ขณะที่ D/E ต่ำเพียง 0.5 เท่า หุ้นกู้คงเหลือ 5 ใบ ดอกเบี้ย 3.2-4.4% ไถ่ถอนใกล้สุด มี.ค. 2567 ที่ 2.5 พันล้านบาท ซึ่งหากรีไฟแนนซ์แพงขึ้น 1% คาดกระทบกำไรปีหน้าเพียง 0.8% ขณะที่หนี้ครัวเรือนไทยยังสูง 16 ล้านล้านบาทหรือ 90.6% ของ GDP มากพอให้ JMT ทำธุรกิจ
.
ด้านความคิดเห็นจากบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด มหาชน แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 40 บาท จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในระยะยาวที่จะกลับมาดีขึ้นตามเศรษฐกิจ, การเริ่มรับรู้รายได้จากกองหนี้เสียที่บริษัทเข้าซื้อเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4/66 รวมทั้งราคาหุ้นปรับตัวลงเชื่อว่าสะท้อนปัจจัยลบไปมากพอควรแล้ว
.
ทั้งนี้ ประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 504 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกัน 11% แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 9% ซึ่งเป็นผลจาก cash collection ที่ทรงตัว จากการติดตามหนี้กอง secured ที่ยากขึ้น, ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มตามเงินกู้ยืมที่สูงขึ้นเพื่อรองรับการเข้าซื้อหนี้เสีย และ credit cost ที่เพิ่มขึ้น