CP ALL ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อภายใต้เครื่องหมายการค้า 7-Eleven และให้สิทธิแก่ผู้ค้าปลีกรายอื่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และลงทุนในธุรกิจสนับสนุนธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ อาทิ ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูปและเบเกอรี่ ตัวแทนรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้าแบบชำระเงินสดและบริการตนเองภายใต้ชื่อ "แม็คโคร"
โครงสร้างทางรายได้ รายได้หลักมาจากร้านค้าสะดวกซื้อ(7-eleven) และ makro ซึ่งได้ take over มาตั้งแต่ปี2556 รายได้จาก 7-eleven มีอยู่ 58% ในปี2557ที่ผ่านมา และรายได้จากmakro 36% ซึ่งทั้ง2เป็นรายได้หลักของCP ALL หากมองย้อนกลับไป 1 ปีก็คือปี 56 รายได้ของ makro โตกระโดดจาก 6หมื่นกว่าล้านมาอยู่ที่ 142,000 ล้าน แต่หากดูรายได้เทียบกับปี 2557 นั้นจะเห็นว่ารายได้จาก makro มีสัดส่วนเกินครึ่งเมื่อเทียบกับตัว 7-11 เอง
มาดูตัว 7-11 เองบ้าง สาขาทั้งหมดตอนนี้มี 8,127 สาขาในปี 2557 เพิ่มขึ้นมา 698 สาขาในปีนั้น แบ่งเป็นสาขาของบริษัทเอง ประมาณ 40% แฟรนไชส์ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน และเติบโตจากประมาณ 6พันกว่าสาขาในปี 54 เป็น 8พันกว่าสาขาในปี 57 หรือเพิ่มมา 2,000 สาขาโดยประมาณ ซึ่งเป็นเรื่องดีเพราะว่าค้าปลีกนั้นรายได้ที่เพิ่มจะเป็นการเพิ่มจากการเพิ่มสาขาเป็นส่วนใหญ่
การเติบโตในอนาคตนั้นทาง CP ALL นั้นมองว่า จะขยายสาขาไปที่ 10,000 สาขาในปี 2018 และปี 2015 จะขยายได้ประมาณ 600 สาขา จะเน้นการขยายไปยังสาขาแฟรนไชส์ในต่างจังหวัดมากขึ้น และอาจจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 9,000 -10,000 ล้านบาทในปี 2015
ถ้าเราวิเคราะห์ SWOT จะเห็นว่า
จุดแข็ง (Strengths)
-มีสาขาเยอะ ให้ความสะดวกสบายกับลูกค้า
-มี Makro เป็นบริษัทลูก เมื่อซื้อด้วยกันจะได้ volume มาก
-กระแสเงินสดที่มาก
-ธุรกิจขยายตัวต่อเนื่อง
จุดอ่อน (Weaknesses)
-การขยายสาขาเมื่อเทียบกับจำนวนสาขาทั้งหมดอาจจะน้อยไป
-จำนวนคนเข้าร้านลดลง (ต่อร้าน)
โอกาส (Opportunities)
-ยังมีโอกาสขยายสาขาได้อีกมากในพื้นที่นอกกรุงเทพและหัวเมืองใหญ่
-ใช้ประโยชน์จาก makro ในการบริหาร
-การขายหุ้นคืนเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อระดมเงินมาชำระหนี้ที่ใช้ซื้อ makro ในตอนแรกและจะทำให้ดอกเบี้ยลดลง
อุปสรรค (Threats)
-คู่แข่งที่เริ่มทำตลาดและขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง
-หาทำเลดีๆในการตั้งสาขายาก
เครดิต : thaistockfocus.com
โดย pamifer
เผยแพร่ : 
71 views
