1) Extrapolation หรือการประมาณการแบบทาบไม้บรรทัดจากข้อมูลย้อนหลัง
ถ้าเราเข้าใจเรื่องนี้ เราน่าจะทำเงินได้มาก เพราะปัจจุบันคนในวงการตลาดทุน เกือบทั้งหมดใช้วิธีการนี้ ทั้งนักวิเคราะห์ ที่ปรึกษาทางการเงิน นักลงทุนส่วนใหญ่ ที่มักจะมองอนาคตจากข้อมูลล่าสุดย้อนหลัง 2-3 ปี เช่น ถ้า 2-3 ปีที่ผ่านมาโตเร็ว ก็จะประมาณการว่าอนาคตจะโตเร็ว จึงกล้าซื้อหุ้นแพงๆ PE สูงๆ สุดท้ายก็ติดดอย
ตรงกันข้าม ทางที่ดีเราควรมองหาธุรกิจที่ 2-3 ปีที่ผ่านมาโตช้า คนไม่สนใจ ราคาหุ้นไม่แพง PE ต่ำ ปันผลสูง แต่อนาคตมีแนวโน้มโตเร็ว ถ้าเราคาดถูก บริษัทโตขึ้นเร็วจริงๆ โอกาสกำไรเป็นเท่าๆ ขณะที่ความเสี่ยงต่ำ แต่เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ชอบ เพราะติดกับภาพในอดีต ชอบทาบไม้บรรทัด
2) ความถูกแพงของสินทรัพย์
การวัด Valuations มีหลายแบบ แต่สิ่งที่ Ray ดู เป็นสิ่งที่ very simple คือดูแค่ earning yield เทียบกัน เช่น เทียบ dividend yields กับ bond yields
ถ้าเราแค่ใช้หลักการนี้ในการซื้อขายหุ้น เราควรจะซื้อหุ้นตอนมี dividend yields 7-8 % และอาจจะขายออกตอนที่ dividend yields 1-2% เพราะแท้จริงแล้ว ราคาที่เราจ่ายส่งผลถึง dividend yields ที่เราได้ ถ้าหุ้นราคาแพง yields ก็จะต่ำ ถ้า yields สูง 7-8% แสดงว่าราคาไม่แพง สำหรับกรณีที่บริษัทมีความมั่นคง ผลประกอบการค่อนข้างแน่นอน ไม่ผันผวนขึ้นๆ ลงๆ
3) สุดท้าย Ray Dalio บอกว่าเราอยู่แถวๆ 7 inning เปรียบเทียบกับกีฬาเบสบอลที่มีทั้งหมด 9 innings โดยพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจ นโยบายทางการเงิน มีโอกาสที่จะเกิด downturn ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า แต่เขาก็บอกว่าไม่ได้รู้จริงๆ คงต้องตามดูเรื่อยๆ โดย factor หลักที่ต้องระวังคือ การ tightening เช่น การเริ่มขึ้นของดอกเบี้ยน่าจะเป็นสัญญาณอันตราย (ก่อนที่ดอกเบี้ยจะขึ้น inflation มักจะขึ้นก่อน ดังนั้น Inflation จึงเป็นตัวที่ผมดูติดตามมากที่สุด) cr Chal Chalermdej https://www.youtube.com/attribution_link?a=gmIA01JLrKw&u=%2Fwatch%3Fv%3D5C43i3yclec%26feature%3Dshare&fbclid=IwAR26QTh8fwe4N5LSDPGeQ6OhQpJZMJFCZHGZvYRIhUawpIsDC-6NTrWRV-o