BTG หนึ่งใน "ผู้ผลิตอาหาร" ครบวงจรชั้นนำของประเทศ
BTG เป็นหนึ่งในผู้นำด้านอุตสาหกรรมอาหารครบวงจรในประเทศ และครอบครองส่วนแบ่งตลาดที่สำคัญในตลาดที่บริษัทฯ ทำธุรกิจ โดย BTG ที่เป็น
1) ผู้เล่นรายสำคัญในตลาดเนื้อสุกรและไก่พรีเมียมที่มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
2) มีช่องทางการจำหน่ายของบริษัทฯ เอง และเน้นทำตลาดในช่องทางที่มีอัตรากำไรสูง และ
3) มีฐานะทางการเงินหลัง IPO ที่แข็งแกร่ง และพร้อมสำหรับความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย และการขยายธุรกิจในอนาคต
จากผลกระทบเชิงลบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งกระทบต่อการบริโภคโปรตีนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้ผลการดำเนินงานของ BTG ลดลง 56% ในปี 2564
อย่างไรก็ตาม หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่อนคลาย และการกลับมาเปิด ประเทศอีกครั้ง ทำให้มีความต้องการการบริโภคโปรตีนเพิ่มขึ้น กอปรกับสถานการณ์การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในประเทศไทย ตั้งแต่ช่วงปลายปี 64 ส่งผลให้ราคาสุกร และไก่ในประเทศปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ส่งผลดีต่อ BTG และทำให้ BTG รายงานกำไรในช่วง 9 เดือนแรกของปี 65 ที่ 6.1 พันลบ. คิดเป็นการฟื้นตัว 56 เท่า YoY
เราคาดว่า BTG จะมีกำไรสุทธิที่เติบโตในระดับ CAGR 90.1% ในช่วงปี 2565-67 ด้วยแรงขับเคลื่อนจากแผนการขยายกำลังการผลิตในประเทศไทยและขยายกิจการไปในต่างประเทศ รวมทั้งราคาผลิตภัณฑ์หลักที่ยังคงยืนสูง
ทำให้เราประเมินรายได้ปี CAGR ที่ 13.3% ในปี 2565-67 และช่วยให้มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายการขายและบริหาร (SG&A) ต่อยอดขายที่ลดลง ด้วยความประหยัดต่อขนาด (economies of scale) และการใช้เทคโนโลยีในการช่วยลดค่าใช้จ่าย
เราคาดว่าตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในประเทศไทย และการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศจะเป็นปัจจัยช่วยส่งเสริมการเติบโตในอนาคต BTG ดำเนินธุรกิจในตลาดที่มีโอกาสการเติบโตสูง และภาวะการแข่งขันที่ไม่รุนแรง ได้แก่ประเทศกัมพูชา และสปป. ลาว และยังมีแผนขยายไปยังประเทศพม่าในอนาคตอันใกล้
มุมมอง KS
เราเริ่มต้นบทวิเคราะห์ BTG ด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 47.4 บาท เราคำนวณมูลค่ายุติธรรม BTG อิงด้วยวิธี PER คำนวณด้วย EPS ปี 2567 ที่ 12 เท่า ซึ่งเท่ากับ 1SD ต่ำกว่า PER ล่วงหน้าเฉลี่ยในอดีตของคู่แข่ง
