ห้องเม่าปีกเหล็ก

สศค.หั่นเป้าศก.ปีนี้กระจุย กดจีดีพีเหลือ 3.8% - ส่งออกโตแค่ 3.4%

โดย Ozone Pinyo
เผยแพร่ :
67 views

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -29 เม.ย. 62 13:59 น. 

   สศค.หั่นเป้าจีดีพีปี 62 เหลือโต 3.8% จากเดิมคาดโต 4% ด้านส่งออกยังทรุดคาดเหลือโต 3.4% จากเดิม 4.5% ชี้ศก.โลกชะลอเป็นปัจจัยลบสำคัญ  แต่เพิ่มเป้าเงินเฟ้อทั่วไปปีนี้เป็น 1.4% ตามราคาน้ำมันพุ่ง ด้านคลังเตรียมอัดงบหมื่นล้านกระตุ้นศก. คาดเสนอ ครม.อนุมัติพรุ่งนี้  ด้านศก.เดือนมี.ค.62 ยังแผ่วตามภาคส่งออก และการผลิตในปท.ที่ชะลอ  
 
   นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ ลงเหลือเติบโต 3.8% จากเดิมคาดเติบโต 4% ด้านส่งออกปรับลดลงเหลือโต 3.4% จากเดิมคาดโต 4.5% ขณะที่การนำเข้าปรับลดลงเหลือโต 3.5% จากเดิมคาดโต 5.4%   ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรก คาดว่าจะขยายตัวได้ 3% และครึ่งปีหลัง คาดว่าจะขยายตัวได้ 4.5-4.6% 
   โดยสมมติฐานในการปรับประมาณการจีดีพี ครั้งนี้ ประกอบด้วย เศรษฐกิจคู่ค้า 15 ประเทศที่ขยายตัวลดลง มาอยู่ที่ 3.59% จาก 3.75% ส่วนสมมติฐานที่สอง คือ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า โดยทั้งปี คาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าอยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์ โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน นโยบายการเงินของสหรัฐ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์การเมืองของประเทศต่างๆ 
   ด้านสมมติฐานที่ 3 คือ ราคาน้ำมันดิบดูไบ ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 68 ดอลลาร์ต่อบาเรล จากเดิมคาดที่ 63 ดอลลาร์ต่อบาเรล โดยมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ การคว่ำบาตรอิหร่านเต็มรูปแบบ สงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สมมติฐานที่ 4 คือ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ยังคงคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวที่ 40 ล้านคน และรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่ 2.13 ล้านล้านบาท ส่วนสมมติฐานที่ 5 คือ รายจ่ายภาคสาธารณะ ซึ่งมาจากความล่าช้าในการเบิกงบลงทุน แผนการเบิกจ่ายของรัฐวิสาหกิจที่ลดลง 35,000 ล้านบาท เป็นต้น ด้านอัตราดอกเบี้ยนโยบายคาดว่าจะยังคงที่ระดับ 1.75% ตลอดทั้งปี 
   “ผลกระทบของเศรษฐกิจปีนี้ที่ชะลอลงนั้น มาจากปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก ทั้งจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก ทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐด้วย”นายลวรณ กล่าว 
   อย่างไรก็ตาม สศค.ได้ปรับเพิ่มประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของปีนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 1.4% จากเดิมคาด 1% จากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับสูงขึ้น  ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคงเดิมที่ 0.9%
   “จากตัวเลขเศรษฐกิจที่เราเริ่มเห็นสัญญาณชะลอตัวลง จึงเป็นที่มาของการเตรียมออกมาตรการเพื่อพยุงเศรษฐกิจในรอบนี้ โดยในวันพรุ่งนี้ กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการพยุงเศรษฐกิจ วงเงิน 10,000 ล้านบาท เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจไทย 0.1% แต่มาตรการที่ใช้นั้นไม่ใช่ยาแรง เนื่องจากเศรษฐกิจลดลงมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”นายลวรณ กล่าว 
   นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนมีนาคม 2562 ที่ผ่านมา และไตรมาส 1/2562 พบว่า มีสัญญาณแผ่วตัวลง จากอุปสงค์จากต่างประเทศเป็นสำคัญ เนื่องจากการาส่งออกที่ชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง ในขณะที่อุปสงค์ภายในประเทศยังขยายตัวได้ โดยเฉพาะในด้านการบริโภคภาคเอกชน จากยอดจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่ง 
   สำหรับการส่งออกในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีมูลค่า 21.4 พันล้านดอลลาร์ ติดลบ 4.9% โดยมาจากการหดัววของการส่งออกสินค้ากลุ่ม ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องจักรกล และน้ำมันสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม กลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ยังขยายตัวดี ส่วนกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่ขยายตัวได้ คือ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การส่งออกในไตรมาสแรก ยังติดลบ 1.6% 
   ขณะที่ด้านการนำเข้าสินค้าในเดือนมีนาคมมีมูลค่า 19.4 พันล้านดอลลาร์ ติดลบ 7.6% ส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้าเครื่องบิน และทองคำที่ลดลง ทำให้มูลค่าการนำเข้าไตรมาสแรก ติดลบ 1.2% ทั้งนี้ ดุลการค้าในเดือนมีนาคมที่ผ่านมายังคงเกินดุล 2 พันล้านดอลลาร์ และทำให้ไตรมาสแรก เกินดุล 2 พันล้านดอลลาร์ 
   ส่วนการลงทุนภาคเอกชน ในเดือนมีนาคม และไตรมาสแรก ส่งสัญญาณชะลอตัวลงจากเครื่องชี้การลงทุนหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่ขยายตัวชะลอลงที่ 4.6% ส่งผลให้ไตรมาสแรก ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ยังคงขยายตัวได้ 9.5% ขณะที่ในหมวดก่อสร้าง ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศ ยังติดลบ 10.3% 
   ด้านเสถียรภาพภายในประเทศ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 1.2% และเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.6% ขณะที่ไตรมาสแรก เงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 0.7% และเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.6% ด้านหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อยู่ที่ 41.9% ต่อจีดีพี ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งเพดานไว้ไม่เกิน 60% สำหรับเสถียนภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ยังอยู่ในระดับสูงที่ 212.2 พันล้านดอลลาร์
 

 


Ozone Pinyo