Macro Strategy

Macro Strategy : ยอดขาย-ยอดผลิตเร่งตัวแต่ยังมีความท้าทาย

Key data

• การผลิตรถยนต์รวมเพิ่มขึ้น 8.9% MoM แต่ลดลง 8.4% YoY สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) รายงานยอดผลิตรถยนต์รวมในเดือนก.ย. ที่ 164,093 คัน เพิ่มขึ้น 8.9% MoM แต่ลดลง 8.4% YoY ยอดผลิตรถยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้นในเชิง MoM เป็นผลมาจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถโดยสารซึ่งผลิตเพิ่มขึ้น 13.7% และ 6.5% จากเดือนก่อน ในขณะที่การผลิตรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1,385,971 คัน เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ 1.6% เมื่อเทียบจากปีก่อน

• ยอดขายรถยนต์รวมเพิ่มขึ้น 8.0% MoM และลดลง 8.6% YoY สอท.เผยยอดจำหน่ายรถยนต์เดือนก.ย. อยู่ที่ 159,562 คัน เพิ่มขึ้น 8.0% MoM แต่ลดลง 8.6% YoY ประกอบด้วยยอดรถยนต์ที่จำหน่ายในประเทศจำนวน 62,086 คัน (+3.1% MoM และ -16.3% YoY) และยอดขายรถยนต์เพื่อการส่งออก 97,476 คัน (+11.3% MoM และ -2.9% YoY) ทั้งนี้ยอดขายรถยนต์ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1,408,769 คัน เพิ่มขึ้น 5.1% จากปีก่อน การส่งออกคิดเป็น 58% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด (+16.3% YTD) ขณะที่ยอดขายในประเทศคิดเป็น 42% (-7.4% YTD)

• ความนิยมในยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า (BEV) เพิ่มขึ้น 547.4% YoY ในเดือนก.ย.เป็น 6,901 คัน และแตะระดับรวมที่ 50,340 คันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 เพิ่มขึ้น 791.5% YTD โดย BEV คิดเป็น 11% ของยอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งหมดในช่วงเดือนก.ย. ขณะที่เทียบกับไม่ถึง 1% ในปีที่แล้ว

มุมมอง KS

ยอดผลิต-ยอดขายรถยนต์อาจฟื้นตัวช้าในช่วงเปลี่ยนผ่าน เนื่องจากรถยนต์ BEV ส่วนใหญ่ไม่ได้ผลิตในประเทศไทย จึงไม่รวมอยู่ในข้อมูลการผลิตรถยนต์จากไทย เราเชื่อว่ายอดผลิตรถยนต์และอุปสงค์ในประเทศอาจยังคงซบเซาในช่วงเปลี่ยนผ่านจาก ICEV สู่ BEV เนื่องจากการลงทุนจากผู้ผลิต BEV จากต่างประเทศอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งในการสร้างห่วงโซ่อุปทาน BEV เต็มรูปแบบเพื่อเพิ่มระดับการผลิตให้ได้จำนวนมากจากฐานการผลิตในประเทศไทย นอกจากนี้ผู้บริโภคยังมีแนวโน้มที่จะชะลอการตัดสินใจซื้่อรถใหม่จนกว่าพวกเขาจะเห็นว่าเทคโนโลยี BEV มีประสิทธิภาพและมีเสถียรภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคต เราเชื่อว่าภาคนิคมอุตสาหกรรม (WHA, AMATA) และอิเล็กทรอนิกส์ (HANA, KCE) จะได้ประโยชน์จากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยที่กำลังพัฒนาอยู่