ห้องเม่าปีกเหล็ก

เจาะพื้นฐาน 8 หุ้นโรงไฟฟ้าไทย

โดย Forest
เผยแพร่ :
208 views

เจาะพื้นฐาน 8 หุ้นโรงไฟฟ้าไทย

ไตรมาส 1 บริษัทไหนทำผลงานดีกว่ากัน?

.

หุ้นโรงไฟฟ้า เป็นหนึ่งในกลุ่มหุ้นยอดฮิตของนักลงทุนหลายคน ซึ่งไตรมาส 1/66 นี้นักวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ตามการซื้อไฟฟ้าจากภาครัฐและผลบวกจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า Ft) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)

.

โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ภาพรวมทิศทางกำไรปกติของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 1/66 คาดจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นชัดเจนจากไตรมาส 4/65 ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ (IPP) อย่าง EGCO และ RATCH ที่คาดจะมีปริมาณขายไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นตามการเรียกซื้อไฟจากภาครัฐฯ หลังจากผ่านพ้นช่วง low season ของการใช้ไฟฟ้าในไตรมาส 4/65 มาแล้ว

.

รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) อย่าง BGRIM และ GPSC ซึ่งมีสัดส่วนขายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มลูกค้าอุตสหกรรมค่อนข้างสูงราว 20-25% ของรายได้จากการขายไฟฟ้าโดยรวม อีกทั้งยังมีแรงหนุนหลักมาจากการประกาศปรับขึ้นค่า Ft รอบ ม.ค.- เม.ย. 2566 อีก 61.5 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดจะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 4/65 ในขณะที่ GULF คาดกำไรปกติในไตรมาส 1/66 อาจอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า

.

สำหรับหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนคาดช่วงไตรมาส 1/66 จะเป็นการเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงฤดูกาลของ solar จึงคาดจะมีผลประกอบการฟื้นตัว เช่น SSP เป็นต้น ในขณะที่กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานลมและน้ำอย่าง BCPG, GUNKUL, EA คาดจะถูกกดดันจากการออกจากฤดูกาลลม และเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงฤดูแล้ง กดดันให้ผลประกอบการไตรมาส 1/66 คาดจะเห็นการปรับตัวลดลงจากไตรมาส 4/65

.

ทั้งนี้ ให้น้ำหนักการลงทุนของกลุ่มโรงไฟฟ้าเท่าตลาด โดยเลือก GULF ราคาเป้าหมาย 65 บาท และ BGRIM ราคาเป้าหมาย 48 บาท เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมแก่การลงทุนในระยะยาวสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า

.

ขณะที่แนวโน้มกำไรสุทธิของหุ้นรายตัว มาเริ่มที่ EGCO บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คงมุมมองกำไรไตรมาส 1/66 จะฟื้นจากไตรมาส 4/65 เพราะโรง KEGCO ไม่มีปิดซ่อม และเข้าสู่ high season ของโรง Paju แต่จะลดลงจากไตรมาส 1/65 (ฐานสูง) เพราะกำไรของโรง Paju ที่ลดลงจากค่าไฟที่ไม่สูงเท่าไตรมาส 1/65 คงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 192 บาท

.

ถัดมา RATCH บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า กำไรปกติไตรมาส 1/66 มีแนวโน้มฟื้นตัวทั้งจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้าได้เพราะ 1. ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงบางส่วนของโรงไฟฟ้าหงสาที่เป็นแหล่งกำไรหลัก, 2. การเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าลงทุนใน NEJV แบบเต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก (ธุรกรรมเสร็จสิ้นในช่วงปลายไตรมาส 4/65), 3. อัตรากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ SCG ที่เริ่มฟื้นตัวหลังต้นทุนก๊าซธรรมชาติเริ่มปรับตัวลง และ 4. ค่าใช้จ่าย SG&A ที่มีแนวโน้มลดลงจากฐานที่สูงในไตรมาส 4/65 คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 53 บาท

.

สำหรับ BGRIM บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ทิศทางกำไปปกติในไตรมาส 1/66 คาดจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/65 โดยปัจจัยหนุนหลักมาจากการรับรู้การประกาศปรับขึ้นค่า Ft อีก 61.5 สตางค์ต่อหน่วยมาอยู่ที่ 1.55 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ GPM โดยรวมคาดจะปรับตัวดีขึ้น รวมถึงปริมาณขายไฟฟ้าที่คาดจะฟื้นตัว นอกจากนี้คาดค่าใช้จ่าย SG&A จะปรับตัวลดลงสู่ระดับปกติ แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 48 บาท

.

ส่วน GPSC บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 1/66 จะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า จาก margin กลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่คาดจะปรับตัวดีขึ้น จากการรับรู้การปรับขึ้นค่า Ft ในเดือน ม.ค.- เม.ย. 2566 และราคาเชื้อเพลิงทั้งก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่มีแนวโน้มทยอยปรับตัวลดลง รวมถึงปริมาณขายไฟฟ้าให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมของที่คาดจะกลับมาฟื้นตัว หลังจากการปิดซ่อมบำรุงโรงงานของกลุ่มลูกค้าแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 4/65 ประกอบกับค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดจะปรับตัวลดลงสู่ระดับปกติ ทั้งนี้ คาดยังมีแรงกดดันจากโรงไฟฟ้าเก็คโค่วัน 429 MWe ที่จะมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนราว 55 วัน ในงวดไตรมาส 1/66 แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 76 บาท

.

GULF บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ทิศทางกำไรไตรมาส 1/66 คาดยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงจากไตรมาส 4/65 แรงหนุนจากการรับรู้โครงการ Jackson ประเทศสหรัฐอเมริกา 588 MWe ที่คาดจะดำเนินการซื้อกิจการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/66 รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ที่คาดจะฟื้นตัวจากทิศทางราคาก๊าซฯ ที่ลดลงและการรับรู้การปรับขึ้นค่า Ft ในเดือน ม.ค.- เม.ย. 2566 อย่างไรก็ตาม จะมีปัจจัยกดดันจากโครงการ BRK2 ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นเหลือเพียง 25% จากเดิม 50% และคาดจะส่วนแบ่งกำไร GULF GUNKUL (GGC) คาดจะผลิตไฟฟ้าได้น้อยลงหลังจากผ่านพ้นช่วง High season ของลมมาแล้ว แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 65 บาท

.

BCPG บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 1/66 จะยังคงไม่เด่นไปอีกไตรมาส มีโอกาสลดลงทั้งจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า จากโรงไฟฟ้าพลังน้ำที่ลาวมีการปิดเพื่อเตรียมขายไฟฟ้าไปเวียดนามเกือบทั้งไตรมาส คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 13.10 บาท

.

GUNKUL บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ทิศทางกำไรปกติในไตรมาส 1/66 จะปรับตัวลดลงจากไตรมาส 4/65 จากแรงกดดันธุรกิจไฟฟ้าที่คาดจะเริ่มผ่านพ้นจุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/65 มาแล้ว ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ คาดยังมีรายได้ทรงตัวใกล้เคียงในระดับเดิม อย่างไรก็ตาม คาดจะมีแรงหนุนชดเชยได้เล็กน้อยจากค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดจะปรับตัวลดลงสู่ระดับปกติ ยังคงคำแนะนำ switch เพราะมองว่ายังไม่ใช่จังหวะเข้าลงทุนยามนี้

.

และสุดท้าย EA บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า ทิศทางกำไรปกติในช่วงไตรมาส 1/66 คาดจะอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อนหน้า โดยกดดันหลักมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าซึ่งยังเป็นสัดส่วนธุรกิจหลักของ EA ที่คาดปริมาณขายไฟฟ้าจะปรับตัวลดลงตามกระแสลมที่อ่อนตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/65 ตามช่วงฤดูกาล ในขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซลคาดทั้งปริมาณและราคาขายยังทรงตัวอยู่ใกล้เคียงอยู่ในระดับเดิม ทั้งนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวขึ้นสะท้อนกระแสธุรกิจ EV จนเกินมูลค่าพื้นฐานไปมาก จึงคงแนะนำ “Switch”

 

 


Forest