ห้องเม่าปีกเหล็ก

ข้อเท็จจริงของตลาดหุ้น สำหรับมือใหม่ที่จะลงทุนในหุ้นควรรู้

โดย slark
เผยแพร่ :
93 views

ข้อเท็จจริงของตลาดหุ้น สำหรับมือใหม่ที่จะลงทุนในหุ้นควรรู้

มีหลายๆคนที่กำลังอยากจะลงทุนในหุ้นกำลังกล้าๆกลัวๆ หรือยังขาดความมั่นใจ ผมจึงเอาบางแง่บางมุมของตลาดหุ้นมาเล่าให้ฟังครับ

เป้าหมายของคนที่จะมาเล่นหุ้นที่พอนึกได้มีดังนี้ครับ
1.อยากรวย ร้อยละ 100 ของคนที่เข้ามาเล่นเพื่อจุดนี้

2.ได้ข่าวเซียนหุ้น 1,000 ล้าน รวยมาจากหุ้นดูเขาให้สัมภาษณ์รวยแบบง่ายๆ เราก็น่าจะทำได้ ก็แน่ละครับคนที่เสียหรือหมดตัวจากหุ้นใครจะมาให้ข่าวละครับ ยกเว้นผู้กล้าอย่างคุณ ศิริวัฒน์ ที่รู้จักในนามศิริวัฒน์แซนวิซ ที่ขาดทุนหุ้นมาบอกเล่าประสบการณ์และหันไปทำธุรกิจ real sectorจึง รอดพ้นวิกฤติมาได้

3.อยากมีอิสระภาพทางการเงิน คำๆนี้ทำให้หลายคนเคลิ้ม รวมทั้งผมด้วย ช่วงแรกผมฝันไว้ว่าจะมีรายได้จากการลงทุนในหุ้นพอกับค่าใช้จ่าย ไม่ต้องทำงาน (ความขี้เกียจ อันเป็นธรรมชาติของทุกคน)คิดว่าลงทุนในหุ้นจะกำไร โลกแห่งความจริงกว่าจะถึงจุดนั้นมันยากครับ ใครที่มีงานประจำทำคิดจะออกจากงานมาลงทุนหุ้นอย่างเดียวผมขอเตือน ถ้าความรู้และประสบการณ์ไม่มี และเงินไม่ถึง ควรชลอไว้ทำงานประจำไป แล้วลงทุนในหุ้นก็ได้ครับ (ตอนนี้ผมก็ทำแบบนี้อยู่)เราอาจจะมี Idolที่มีอิสระภาพ
ทางการเงินเราจะทำแบบเขาไม่ได้ เพราะทุกอย่างต่างเงื่อนไข ต่างเวลากันครับ แต่ก็ไม่ใช่จะเป็นไปไม่ได้

4 . ผมเปรียบตลาดหุ้นเหมือนการชนวัวครับ ต้องมีวัวตัวที่ชนะเพียงตัวเดียว มีเสมอยากมากครับในตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นมีผู้ชื้อ(bid) ปะทะกับ ผู้ขาย(OFFER) เหมือนวัวชน 2 ตัวทีชนกันตามภาพครับ คนซื้อจะต้องซื้อให้ได้ราคาถูก เพื่อเอาไปขายแพง กินส่วนต่างคือกำไร ส่วนคนที่ขายก็ต้องขายให้ได้ราคาแพงกว่าที่ซื้อมา เพื่อกินส่วนต่าง คือ กำไรเช่นกัน ส่วนต่างก็เอามาจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เพลี่ยงพล้ำ แต่ตลาดหุ้นก็ก้มีทางออก คือ บางคนซื้อหุ้นพื้นฐานดี รอกินปันผล ไม่ได้ซื้อขายกินส่วนต่างก็เป็นการลงทุนหุ้นอีกแบบ ที่เรียกว่า Value investor เรียกง่ายๆ ว่าซื้อกินปันผลและขายเมื่อราคามันได้ตามเป้าหมาย

5.บางคนเบื่องานประจำ เป็นโรคนี้กันทุกคนอาจเกิดจาก ทะเลาะกับเพื่อนร่วมงาน ไม่ก้าวหน้าในตำแหน่งที่หวัง (อาจจะหวังมากไป) ทะเลาะกับหัวหน้า เลยหมดความหวังกับงานที่ทำ มองหาธุรกิจใหม่ๆ ถ้าอายุมากก็ไม่อยากเริ่มใหม่ ถ้าอายุน้อยทุนก็มีไม่มาก เลยมองตลาดหุ้นเป็นที่พึ่งคิดว่าจะตอบโจทย์ทุกอย่าง โดยไม่เคยเข้ามาสัมผัสคิดว่ามันง่าย ทำเงินได้ ดูรายการเขาสัมภาษณ์คนทีประสบผลสำเร็จจากการเล่นหุ้นแล้วเคลิ้ม ของมันแน่อยู่แล้วคนล้มเหลวไม่เอามา ถึงเชิญก็ไม่มีใครมาเพราะอายที่จะเล่า ตอนที่ผมจะลงทุนในหุ้นก็ดูรายการพวกนี้เป็นปีครับ

6.ร้อนวิชา หรือ บางทีผมเรียกง่ายๆว่าร้อนใน จบเศรษฐศาสตร์ จบการเงิน บางคนจบโทมา
แต่ไม่เคยลงทุน ผมไม่เถียงครับ ทฤษฎีของคนที่จบมาย่อมได้เปรียบคนที่ไม่ได้เรียนมาโดยตรง
เทียบง่ายๆ กับการว่ายน้ำ ทฤษฎีแม่นมาก ว่าจะหายใจอย่างไร พุ่งลงน้ำอย่างไร ดึงสโตรกอ่างไร แต่ไม่เคยลงสระลงสระครั้งแรกก็โดดลงแรง อาจจะจุกจมน้ำตายได้ เทียบกับคนที่ไม่ได้เรียนมาสายตรง แต่มีประสบการณ์ บ้านติดคลองแรกๆค่อยๆเอาเท้าจุ่ม ลองลงน้ำไปเรื่อยๆ ค่อยๆหัด ช่วงแรกอาจจะกินน้ำไปหลายอึก จะจำแม่นว่ายได้คล่อง แต่ความรู้พื้นฐานจำเป็นมากในการลงทุนในหุ้น ในฐานะที่ผมไม่ได้จบมาสายตรงด้านนี้ ผมจึงซื้อหนังสือที่เกี่ยวกับการลงทุนมาอ่าน เสียเงิน 200-300 บาทในการซื้อหนังสือ ต่อเล่มดีกว่าขาดทุนในหุ้นเป็น 10,000 บาท เพราะความไม่รู้ของเรา

7.คิดว่าตลาดหุ้นมันไม่น่ายาก ก็แค่ซื้อหุ้นให้ถูกๆ แล้วเอามาขายแพงๆ ก็มีกำไรแล้ว งงกับคนที่ขาดทุน มันโง่หรือเปล่า ง่ายๆแค่นี้ก็ทำไม่ได้ เช่น ซื้อ 100,000 หุ้น ขายได้กำไร 1 บาท/หุ้นก็ได้เงิน 100,000 บาท แล้วตอนแรกๆผมก็คิดเช่นนั้น แต่มาลงสนามจริง จะตรงข้ามจะซื้อแพง
เอามาขายถูก ซื้อหุ้นตัวแรกตอนดัชนี 1,100 จุด ติดดอยเลยครับ ตอนดัชนีมันลงมาที่ 950 จุด
จะขายก็ขาดทุน จะถือไว้ตัวเลขขาดทุนมันก็แดง โชคดีที่ซื้อไม่มาก 10,000 บาท เป็นเงินเย็น
ที่กะเอามาเรียนรู้ของจริง ช่วงนั้นก็ทนถือ ได้อ่านหนังสือเกี่ยวกับหุ้น ศึกษาแนวทางการเล่นหลายวิธี
ตอนแรกซื้อเพราะชอบหุ้นตัวที่เลือก ดูP/E ก็ซื้อแล้ว ยังไม่ดูงบการเงิน พอซือราคามันไหลลงตามดัชนี บางช่วงดัชนีมันเด้งผมเลยขาย เพื่อ Cut loss ขาดทุนหลักพัน ผมจำเลยครับว่าความรู้ที่เราอ่านมาแค่หางอึ่งรู้แล้วครับว่าเล่นหุ้นให้กำไร ยากมาก เท่าทุนยังเหนื่อยเลย สรุปการลงทุนแบบเอานิ้วจุ่มตอนแรกของผมขาดทุน ซึ่งผมลงไม่มากและเสียแล้วไม่คิดเอาคืน ถอยมาตั้งหลักก่อนหาความรู้ก่อนเข้าไปใหม่ ถึงเวลาแก้มือผมเข้าซื้อหุ้นพื้นฐานดี มีปันผล ทยอยซื้อตามหลักการทีได้อ่านมา เริ่มซื้อจากดัชนีไล่จาก 950ค่อยๆซื้อเก็บจนดัชนีมันลงไป 840 จุด ได้หุ้นต้นทุนต่ำ
ตอนนี้ดัชนี 980-997 จุด ยังไม่ทะลุ 1,000 จุด บางตัวกำไร บางตัวขาดทุน สรุปกำไร 8%
แต่ต้องวัดดวงว่าดัชนีขึ้นหรือลงอีกยังวางใจไม่ได้หรอกครับ

ผมได้บทเรียนล้ำค่ามา คือ ต้นทุนที่คุณซื้อสำคัญที่สุด ไม่ใช่ความเด่นดังของหุ้น
ยิ่งคุณซื้อได้ต้นทุนต่ำ โอกาสขาดทุนก็จะน้อย สำหรับคนทีเข้ามาใหม่ถามว่าจะซื้อหุ้นอะไร
บางคนตอบ PTT SCG Banpu เกือบทั้งนั้น ไม่มีใครชอบหุ้นตัวเล็กๆ หรือดูว่าหุ้นมันได้ขึ้นไปแพงเกินมูลค่าหรือยัง หุ้นมีชื่อเสียงดีก็ทำให้ขาดทุนได้ ถ้าคุณซื้อแพงขายถูก


slark