ส่อง 3 หุ้นร้านอาหาร ลุ้นรับปัจจัยบวก
รัฐลดราคาสินค้า ฉุดต้นทุนวัตถุดิบลดลง
.
รัฐบาลมีแนวทางในการปรับลดราคาสินค้าหลักในชีวิตประจำวันเช่น ข้าว หมู ไก่ เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน ซึ่งประเด็นดังกล่าว ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ แต่ในทางกลับกันก็อาจเป็นผลบวกต่อผู้ประกอบการร้านอาหาร เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง
.
โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า รมว.พาณิชย์ได้มอบหมายนโยบายเร่งด่วนให้กรมการค้าภายในดูเรื่องการลดราคาสินค้าภายใน 15 วัน โดยให้ดูรายการสินค้าทั้งหมดที่มีผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน เน้น 20 สินค้าหลัก เช่น ข้าว ไก่ หมู ไข่ โดยจะพิจารณาว่าสินค้าตัวไหนมีต้นทุนอย่างไร และจะลดราคาได้แค่ไหน
.
ฝ่ายวิเคราะห์มองเป็นจิตวิทยาลบต่อกลุ่มเกษตร เช่น CPF, GFPT, TFG, BTG แม้ผลกระทบทางพื้นฐานจะต้องติดตามแนวทางรัฐฯ อีกครั้ง แต่ระยะสั้นให้ชะลอเข้าลงทุนหุ้นกลุ่มดังกล่าวไปก่อน อย่างไรก็ตามในทางกลับกันมองเป็นจิตวิทยาอ่อนๆบวกต่อหุ้นร้านอาหาร เช่น M, ZEN, CENTEL (50% ของรายได้)
.
ทั้งนี้แนวทางในการลดราคาสินค้าเพื่อลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนยังต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐอีกครั้ง ดังนั้น Wealthy Thai จึงอยากพานักลงทุนมาสำรวจแนวโน้มการดำเนินงาน และคาดการณ์กำไรสุทธิของหุ้นร้านอาหาร 3 ตัวอย่าง M, ZEN, CENTEL ว่าจะเป็นอย่างไร
.
มาเริ่มกันที่ M หรือ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร้านสุกี้ MK ขวัญใจครอบครัวไทย โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรของ M ยังถูกกดดันจากต้นทุนโดยรวมที่อยู่ในระดับสูง และทำให้ผลประกอบการยังไม่กลับไประดับก่อนเกิด COVID-19 ในเร็วๆนี้ ขณะที่การขยายสาขาไปต่างประเทศยังเป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไปและ inorganic growth จาก M&A คาดยังไม่เห็นในเร็วๆ นี้
.
โดยประเมินแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 มีโอกาสลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งการลดลงจากไตรมาส 3/65 มาจาก SSSG ที่คาดจะโตต่ำราว 2-3% ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการและบริหารยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งแม้ราคาหมูเริ่มลดลงแต่คาดไม่พอชดเชย ขณะที่กำไรลดลงจากไตรมาส 2/66 เป็นไปตามฤดูกาลที่ไตรมาส 3 เป็น low season
.
ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 55 บาท เนื่องจากแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 ยังไม่เด่น, กำไรรายปียังไม่กลับไประดับก่อนเกิด COVID-19 ในเร็วๆนี้ โดยคาดกำไรปี 2566 ที่ 1.5 พันล้านบาท โต 6% คิดเป็นราว 60% ของช่วงก่อนเกิด COVID-19 ที่ 2.6 พันล้านบาท
.
ส่วนผลประกอบการปี 2567 มีความเสี่ยงเรื่องค่าแรงขั้นต่ำที่มีโอกาสปรับขึ้นอีก จึงมองว่ารอเห็นสัญญาณ EBIT margin กลับตัวอย่างมีนัยสำคัญค่อยเป็นโอกาสเข้าซื้ออีกครั้ง
.
ถัดมา ZEN หรือ บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เครือร้านอาหารชื่อดังอย่าง ZEN, AKA และ ตำมั่ว เป็นต้น โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ระบุว่า ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2566 ลดลง 7% สู่ 185 ล้านบาท และปี 2567 ลดลง 9% สู่ 219 ล้านบาท
.
ทั้งนี้เพื่อสะท้อนการปรับสมมติฐานยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) ลดลงสู่ระดับที่เติบโต 5% และจำนวนสาขาแฟรนไชส์ใหม่ที่ลดลง จาก 30 สาขา สู่ 20 สาขา ในปีนี้
.
ขณะที่หลังจากปรับประมาณการกำไร ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรไตรมาส 3/66 น่าจะปรับตัวดีขึ้นและเติบโตทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 4/66 โดยได้แรงหนุนจากการขยายสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง ธุรกิจอาหารค้าปลีกที่เติบโตมากขึ้น และมาร์จิ้นที่ปรับตัวดีขึ้น
.
ด้านราคาหุ้น ZEN ปรับตัวลดลงจากต้นปี เพราะถูกจุดรั้งโดยความกังวลเกี่ยวกับค่าแรงขั้นต่ำที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ยังคงจับตาดูความเสี่ยงนี้ และบริษัทก็ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงานอย่างต่อเนื่อง
.
อย่างไรก็ตามมองว่าปัจจัยลบสะท้อนในราคาหุ้นไปมากพอสมควรแล้ว เนื่องจากปัจจุบันหุ้น ZEN เทรดที่ P/E ปี 2566 ระดับ 19 เท่า ซึ่งต่ำกว่าผู้ประกอบการอื่น จึงให้คำแนะนำช่วง 3 เดือน Outperform ราคาเป้าหมายใหม่สิ้นปี 2567 ที่ 17 บาท เนื่องจากกำไรมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นและ downside ของราคาหุ้นมีจำกัด
.
CENTEL หรือ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) เครือโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังอย่าง KFC และ Mister Donut เป็นต้น โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า คาดกำไรปกติไตรมาส 3/66 อยู่ที่ราว 155 ล้านบาท โต 474% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 87% จากไตรมาสก่อนหน้า
.
ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 1.3 พันล้านบาท โต 315% จากปีก่อน แม้โตมากแต่มาจากฐานต่ำที่มี COVID-19 ระบาด
.
โดยกำไรคิดเป็นเพียง 70% ของระดับ Pre COVID-19 เพราะรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ของโรงแรมใน Maldives ยังฟื้นไม่เต็มที่, กำไรของธุรกิจร้านอาหารยังไม่กลับไปช่วงก่อนเกิด COVID-19 เพราะต้นทุนยังอยู่ในระดับสูงรวมถึงค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นเพราะดอกเบี้ยเงินกู้สูงขึ้น, สัญญาเช่าโรงแรมหัวหินสูงขึ้น, และมีค่าใช้จ่ายของโรงแรมญี่ปุ่นเข้ามาเพิ่มเติม
.
ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ Neutral ราคาเป้าหมาย 51 บาท โดยมองแนวโน้มในระยะสั้นยังไม่เด่น ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาตอบรับคาดหวังการฟื้นตัวในอนาคตไปพอสมควร
