ส่องมุมมองโบรกฯ "ลดค่าการกลั่น" กระทบกำไรหุ้นในกลุ่มแค่ไหน

โบรกฯ ประเมินผลกระทบต่อกำไรหุ้นโรงกลั่น หลังถูกบีบให้ลดค่าการกลั่น บล.เอเซีย พลัส ประเมินหากรัฐขอให้โรงกลั่นทุกๆแห่งสนับสนุนช่วยเหลือภาครัฐ ทุกๆ 1 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 1 เดือน ฉุดกำไรหุ้นโรงกลั่น ลดลงรวมกว่า 5,263 ล้านบาท
.
นายปรินทร์ นิกรกิตติโกศล รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" ว่า เรื่องการปรับลดค่าการกลั่นของหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นนั้น ยังต้องรอข้อสรุปจากทางภาครัฐก่อน เพราะที่ผ่านมายังไม่มีมาตรการอะไรออกมา ซึ่งทำให้การประเมินผลกระทบยังทำไม่ได้ เนื่องจากธุรกิจโรงกลั่นเป็นไปตามกลไกตลาดเสรี ซึ่งภาครัฐควบคุมอัตราค่าการกลั่นไม่ได้ แต่อาจขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นให้ปรับลดราคาหรือสนับสนุนในทางอื่นๆแทนได้
.
ทั้งนี้ ในส่วนของราคาหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นก็สะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวไประดับหนึ่งแล้ว ซึ่งซึ่งหากมาตรการที่ออกมาไม่รุนแรงเหมือนที่หลายฝ่ายคาด เชื่อราคาหุ้นในกลุ่มโรงกลั่นก็จะกลับมาฟื้นตัวได้ เพราะแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/65 คาดว่าจะยังออกมาดีอยู่
.
"ธุรกิจโรงกลั่นในปัจจุบันเป็นตลาดเสรี ซึ่งรัฐจะปรับอะไรมากไม่ได้ เพราะหากปรับเยอะผู้ประกอบการอาจหันไปเนินการส่งออกแทน ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะใช้วิธีการขอความร่วมมือหรือออกมาตรการระยะสั้นแทน ซึ่งผลกระทบจะไม่เยอะมาก " นายปรินทร์ กล่าว
.
ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่าฝ่ายวิจัยได้ทำการประเมินเบื้องต้นถึงผลกระทบหากภาครัฐบังคับให้โรงกลั่นทุกๆแห่งสนับสนุนช่วยเหลือภาครัฐทุกๆ 1 บาทต่อลิตร เป็นระยะเวลา 1 เดือน จะทำให้กำไรของหุ้นโรงกลั่นแต่ละแห่งหาย โดย TOP กำไรจะลดลง 1,300 ล้านบาท, PTTGC -691 ล้านบาท,IRPC -1,000 ล้านบาท,BCP 572 ล้านบาท,ESSO 830 ล้านบาท และSPRC 834 ล้านบาท
.
ขณะที่มองว่าการดำเนินธุรกิจโรงกลั่น พบว่าในอดีตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เป็นไปตามกลไกตลาดเสรี ไม่มีการแทรกแซงโดยภาครัฐ กระทรวงพลังงานไม่ได้ควบคุมค่าการกลั่น ซึ่งก็มีทั้งช่วงที่โรงกลั่นได้กำไรและขาดทุน รวมถึงค่าการกลั่นยังไม่ได้สะท้อนกำไรที่แท้จริงของโรงกลั่น เพราะยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกิดขึ้น ดังนั้นหากภาครัฐเข้ามาแทรกแซงบังคับให้ปรับลดราคาขายปลีกหน้าโรงกลั่นก็อาจทำให้ผู้ประกอบการหันไปส่งออกมากขึ้น เพราะได้ราคาสูงกว่าการขายในประเทศ
.
อย่างไรก็ตามในอดีตที่ผ่านมาทุกครั้งที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงก็จะมีประเด็นการแทรกแซงค่าการกลั่น แต่ยังไม่เคยมีผลในทางปฏิบัติดังนั้นจึงถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตามว่าภาครัฐจะเข้ามาแทรกแซงและทำลายระบบกลไกตลาดเสรีของโรงกลั่นที่มีมาหรือไม่ ซึ่งหากยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนค่าจะเป็นแรงกดดันต่อกลุ่มโรงกลั่น
