ตลาดหุ้นไทยยังมีแรงหนุน ลุ้น SET พุ่ง 1,445 จุด โบรกฯแนะนำ 5 หุ้นรับผลดีฟรีวีซ่าไทย-จีนถาวร
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ ประเมิน SET แกว่งตัว 1,420 - 1,445 จุด แม้ภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากคาดการณ์ FED และ ECB จะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง รวมถึงแรงซื้อหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงลงจากการแข็งค่าขึ้นของเงิน USD ประกอบกับ US bond yield ที่ดีดตัวขึ้นสู่ 3.96% จะกดดันต่อภาพการลงทุนในช่วงนี้ จึงยังคงแนะนํา Selective buy เช่นเดิม
โดยกลยุทธ์การลงทุน: Selvectie buy หุ้น GULF GPSC BGRIM TASCO EPG อานิสงส์ต้นทุนพลังงานอ่อนตัวลง รวมทั้ง CRC CPN HMPRO GLOBAL DOHOME COM7 อานิสงส์ E-refund และ AOT CENTEL ERW MINT SPA ข่าวฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวไทย/จีนเป็นการถาวร
ส่วนหุ้นแนะนําวันนี้ AP (11.60 ซื้อ/ เป้า IAA Consensus 14.40 บาท) ทยอยสะสมดักรับเงินปันผลปลายปี ซึ่ง AP จ่ายปีละครั้งให้ Dividend yieldสูง 6-7% ต่อปี แนวโน้มกําไรยังทํา All time high ทั้งปี 23 และ 24 ส่วนยอดขาย Presale 2 คอนโดใหม่มูลค่ารวม 7 พันล้านบาท กระแสดีมียอด Take up Rate 50-70%
BGRIM (ปิด 28 ซื้อ/ เป้า IAA Consensus 32 บาท) ได้ Sentiment บวก จากราคาน้ำมันดิบลดลง และยังมีประเด็นเก็งกําไรจากกระแสภาครัฐปรับโครงสร้างราคาพลังงานและจัดส่งก๊าซในอ่าวไทยที่มีราคาถูกให้โรงไฟฟ้ามากขึ้น
ประเด็นสําคัญวันนี้ วานนี้ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการให้ฟรีวีซ่าถาวรระหว่างนักท่องเที่ยวของไทยและจีน โดยจีนจะเริ่มให้ฟรีวีซ่ากับนักท่องเที่ยวไทยตั้งแต่ 1 มี.ค. 2567 ส่วนไทยมาตรการเดิมจะหมดอายุ 29 ก.พ.นี้ จะเปลี่ยนเป็นถาวรทดแทน มาตรการนี้จะทําให้คนไทยเดินทางไปจีนเพิ่มขึ้นเป็นบวกต่อ AOT และ AAV ซึ่งมีสัดส่วนผู้โดยสารและเที่ยวบินระหว่างจีนกับไทยโดยตรง
ด้านดัชนีตลาดหุ้น Nasdaq ปรับตัวลดลง 245 จุด (-1.63%) ปิดที่ 14,766 จุด นักลงทุนเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี (US Bond yield) ปรับตัวขึ้นใกล้แตะระดับ 4% อีกครั้งเทียบกับ 3.8% ในช่วงปลายปี นอกจากนี้หุ้น Apple (-3.6%) มีปัจจัยลบ เฉพาะหลังจากถูกปรับลดอันดับความน่าลงทุน
และดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐเดือน ธ.ค. ลดลงสู่ระดับ 47.9 จาก 49.4 ในเดือน พ.ย.และต่ำกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 48.2 เช่นเดียวกับ PMI การผลิตของยูโรโซนแม้จะเพิ่มขึ้นเป็น 44.4 จาก 44.2 แต่ยังต่ํากว่าระดับ 50 สะท้อนภาคการผลิตของสหรัฐและยุโรปยังชะลอตัว