ห้องเม่าปีกเหล็ก

"เงินดอลลาร์" แข็งโป๊ก ใครกำไร ใครขาดทุน

โดย พญาหงส์
เผยแพร่ :
205 views

เพราะ “ดอลลาร์สหรัฐ” เป็นสกุลเงินหลักที่ใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนซื้อกันทั่วโลก เป็นทุนสำรองที่ธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ต้องมีไว้ ดังนั้น เมื่อเงินดอลลาร์แข็งค่าที่สุดในรอบ 20 ปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ย่อมเกิดผลกระทบปั่นป่วนไปทั่วโลก

.

.

สำหรับประเทศไทยจาก 1 ดอลลาร์ที่เคยแลกเป็นเงินบาทได้ประมาณ 33.311 บาท เมื่อ 4 ม.ค. 65 (วันทำการแรกของปี 2565) กลายมาเป็น 37.358 บาท เมื่อ 22 ก.ย. 65 คิดเป็นส่วนต่างถึง 4.047 บาท หรือ update ค่าเงินล่าสุด ได้ตาม link นี้

https://www.bot.or.th/.../exchangerate/exchangerate.aspx

.

.

ยกตัวอย่าง ให้เห็นภาพ สมมุติว่าเรามีเงิน 100 ดอลลาร์ เมื่อตอนต้นปีคิดเป็นเงินไทยจะเท่ากับ 3,331 บาท ผ่านไป 9 เดือนโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลยเงินดอลลาร์ที่เราถือไว้จะกลายเป็น 3,758 บาท แล้วคนที่ลงทุนในตลาดเงิน ตลาดทุน หรือติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ จะเกิดอะไรขึ้นกับเงินที่มีอยู่ หรือราคาสินค้าที่ซื้อขายกับจะเปลี่ยนไปอย่างไร แน่นอนว่าย่อมมีทั้งคนที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์

.

.

เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น

น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity) ล้วนซื้อขายด้วยเงินดอลลาร์ เมื่อดอลลาร์แข็งค่าก็หมายความว่าประเทศต่าง ๆ ต้องใช้เงินสกุลท้องถิ่นซึ่งอ่อนค่าลงมาใช้แลกเป็นเงินดอลลาร์ในปริมาณและมูลค่าที่มากกว่าเดิม ส่งผลให้ราคาน้ำมันและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าต่าง ๆ แพงขึ้น ต้นทุนของภาคธุรกิจสูงขึ้น และทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อตามมาในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปีในหลายประเทศ

.

.

มูลค่าเงินคริปโทฯดิ่งลง

โดยหลักการแล้วเงินคริปโทเคอร์เรนซี่สกุลต่าง ๆ อย่างบิตคอยน์ มีสถานะเป็นเครื่องมือในการกระจายความเสี่ยงเป็นทางเลือกของเงินในยุคดิจิทัล และเป็นเกราะป้องกันเงินเฟ้อได้ แต่ในทางปฏิบัติเมื่อเกิดการเก็งกำไรอย่างหนัก จนทำให้ตลาดผันผวน นักลงทุนพากันแห่ขายเงินคริปโทฯและหันมาถือเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ที่ให้ผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ยิ่งทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่ามากขึ้น

.

.

##กลุ่มผู้ที่ได้ประโยชน์##

- นักท่องเที่ยวอเมริกันในต่างแดน เมื่อชาวอเมริกันไปเที่ยวต่างประเทศ ก็จะสามารถแลกเงินเป็นสกุลท้องถิ่นได้ในจำนวนที่มากกว่าเดิม เพิ่มอำนาจในการจับจ่ายใช้สอย ใช้เงินดอลลาร์น้อยลงในการซื้อสินค้าและบริการ เช่น เงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินยูโร อัตราแลกเปลี่ยนเท่ากับ 1:1 เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี

.

.

- ผู้ที่ทำงานในต่างประเทศได้รับค่าจ้างเป็นเงินดอลลาร์ คนต่างด้าวที่ไปทำงานในสหรัฐฯ เมื่อส่งเงินกลับภูมิลำเนาให้ญาติพี่น้องก็จะนำมาแลกเป็นเงินท้องถิ่นได้มากขึ้น

- ผู้ที่ขายสินค้าหรือบริการให้ชาวต่างชาติ ยกตัวอย่างในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวหรือร้านอาหาร เจ้าของโรงแรมในประเทศไทย ที่รับลูกค้าต่างชาติ ได้รับเงินค่าที่พักเป็นดอลลาร์ก็จะมีรายได้มากขึ้นเมื่อนำมาแลกเป็นเงินบาท

.

.

- ผู้ส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เมื่อผู้ประกอบการไทยที่ส่งสินค้าให้กับลูกค้าในต่างประเทศมักจะกำหนดราคากลางเป็นเงินดอลลาร์ และเมื่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จากเดิม 1 ดอลลาร์เคยเท่ากับ 33 บาท มาเป็น 37 บาท ก็เท่ากับว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมทันทีกว่า 10%

.

.

##กลุ่มผู้ที่เสียประโยชน์##

- ผู้นำเข้าวัตถุดิบหรือสินค้าจากต่างประเทศ ผู้ประกอบการ อย่างเจ้าของโรงงานที่ต้องนำเข้าเครื่องจักรหรือวัตถุดิบมาใช้ในการผลิตสินค้าในประเทศ รวมไปถึงกลุ่มที่สั่งซื้อสินค้าสำเร็จรูปที่ใช้เงินดอลลาร์เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนก็จะต้องใช้เงินท้องถิ่นอย่างเงินบาทในจำนวนมากขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าในปริมาณเท่าเดิม

.

.

- คนไทยที่ไปเที่ยวต่างประเทศ นักท่องเที่ยวไทยในต่างแดน หรือคนไทยที่เรียนอยู่ในต่างประเทศ จะต้องนำเงินบาทในจำนวนที่มากกว่าเดิมไปแลกเป็นเงินดอลลาร์สำหรับนำไปจับจ่ายใช้สอย ซื้อสินค้าและบริการขณะที่อยู่นอกประเทศ

.

.

- ประชาชนรากหญ้า ผู้บริโภคปลายทางจะมีค่าครองชีพที่สูงขึ้น อันเป็นผลมาจากภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ราคาสินค้าในหมวดพลังงานอย่างน้ำมัน และราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น กัดกร่อนรายได้ที่เท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้นตามไม่ทัน ทำให้กำลังซื้อหดตัวลง

.

.

- ประเทศที่มีหนี้ภาครัฐเป็นสกุลดอลลาร์ ประเทศกำลังพัฒนาหลายประเทศที่ต้องกู้ยืมเงินจากองค์กรระหว่างประเทศ หรือออกพันธบัตรเป็นสกุลเงินดอลลาร์ อาจไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้เมื่อถึงกำหนดเวลา เพราะมูลหนี้ที่เดิมก็สูงอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ประเทศที่เศรษฐกิจชะลอตัวหรือมีปัญหาอยู่เดิม จากผลกระทบของโควิด – 19 สงครามรัสเซีย - ยูเครน หรือเกิดภัยธรรมชาติ ก็ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเข้าสู่ภาวะล้มละลายได้ เช่น ศรีลังกา และอาร์เจนตินา เป็นต้น

.

.

การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ยังเป็นอุปสรรคต่อการเปิดเสรีการค้าในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก ที่ปัจจุบันมักมีการรวมกลุ่มของประเทศที่มีสภาพภูมิรัฐศาสตร์ใกล้เคียงกัน เช่น ASEAN หรือ APEC แล้วทำข้อตกลงการค้าที่เอื้อประโยชน์กันภายในกลุ่ม อย่างการลดภาษีในการซื้อขายสินค้าระหว่างกัน

.

.

ทว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่เสี่ยงชะลอตัว จากภาวะเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้หลายประเทศหันมากำหนดกำแพงภาษี กำหนดโควต้านำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ หรืองดส่งออกสินค้าบางชนิดเพื่อให้เพียงพอกับการบริโภคในประเทศ ล้วนเป็นทิศทางที่ตรงกันข้ามกับการเปิดเสรี

.

.

ขณะที่รัสเซีย ที่ถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับชาติตะวันตก ก็หันไปจับมือกับจีน อินเดีย และประเทศในตะวันออกกลาง ที่อาจพัฒนาไปสู่การแบ่งขั้วทางการค้า เพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกันได้อีกทางหนึ่ง

.

.

ที่มา:

https://www.reuters.com/.../strong-dollar-10-reasons-why.../

https://theconversation.com/five-ways-that-the-super...

https://www.bot.or.th/.../ForeignExc.../Pages/Sevenfact.aspx

 

 


พญาหงส์