ห้องเม่าปีกเหล็ก

วิกฤตเศรษฐกิจปี 40 จากอดีตสู่ปัจจุบัน

โดย Yoo
เผยแพร่ :
75 views

วิกฤตเศรษฐกิจปี 40 จากอดีตสู่ปัจจุบัน

 

               วันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เป็นวันท่ีอยู่ในความทรงจำของคนหลายๆ คน โดยเฉพาะพนักงานและอดีตพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยเป็นวันแรกของการลอยตัวค่าเงินบาทและวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งนำไปสู่การตกตำ่ของเศรษฐกิจไทยอย่างไม่เคยมีมาก่อน บริษัทและสถาบันการเงินหลายแห่งต้องปิดตัวลง คนว่างงานเป็นจานวนมาก และทำให้ความฝันที่ประเทศไทยจะกลายเป็นเสือเศรษฐกิจตัวท่ีห้าของเอเชียต้องพังทลายลง

 

                 วิกฤตต้มยำกุ้งเป็นบทเรียนราคาแพงของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ยี่สิบปีที่ผ่านมาต้องนับว่าเราเดินมาไกลมาก แม้จะไม่สามารถรับประกันได้ว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ประสบกับวิกฤตอีก เพราะกระทั่งนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบลอย่างศาสตราจารย์โรเบิร์ต ลูคัส ซึ่งเคยประกาศตอนอำลาตำแหน่งประธานสมาคมเศรษฐศาสตร์อเมริกาในปี 2546 ว่านักเศรษฐศาสตร์ได้เรียนรู้วิธีป้องกันภาวะเศรษฐกิจตกต่ำรุนแรงไม่ให้เกิดขึ้นแล้ว ยังหน้าแตกกับการอุบัติขึ้นของวิกฤตเศรษฐกิจการเงินโลกในปี 2551 แต่การเกิดซ้ำของวิกฤตในรูปแบบท่ีเกิดข้ึนในปี 2540 กับเศรษฐกิจไทยต้องบอกว่าแทบเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่ไทยจะเปลี่ยนกลับไปตรึงค่าเงินแบบในอดีตอีก

 

 

                 อย่างไรก็ดี ในระยะหลัง ในช่วงกลางๆปีของทุกปี มักจะมีการแชร์ข้อมูลว่าเศรษฐกิจไทยเสี่ยงที่จะกลับไป เป็นแบบปี 2540 อีก โดยบ่อยครั้งเป็นการโยงกับการขาดทุนท่ีเกิดจากการแทรกแซงค่าเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งในยุคของโซเชียลมีเดียที่ข่าวสารกระจายไปได้อย่างกว้างขวางและรวดเร็ว อาจทำให้คนหลายๆคนเข้าใจผิดได้ ท้ังๆที่บริบทในปัจจุบันแทบจะกล่าวได้ว่าเป็นหนังคนละม้วนกับปี 2540

 

                อาจกล่าวได้ว่าสิ่งที่เหมือนกันในสถานการณ์ปัจจุบันและในปี 2540 คือ มีการดูแลค่าเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยเหมือนกัน และธนาคารแห่งประเทศไทยดูเหมือนจะมีปัญหาทางการเงินที่เกิดจากการแทรกแซงค่าเงิน เหมือนกัน แต่ในความเหมือนกันนี้มีความแตกต่างที่สำคัญ ได้แก่

 

(1) ระบบอัตราแลกเปลี่ยนท่ีแตกต่างกัน โดยก่อนการลอยตัวค่าเงินบาท ไทยใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ทำให้ในยามท่ีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจไม่สอดคล้องกับค่าเงินที่ตรึงไว้ตกเป็นเป้านิ่งของการโจมตีค่าเงินได้ง่าย ต่างจากปัจจุบันที่ระบบอัตราแลกเปลี่ยนเป็นแบบลอยตัวที่การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนส่วนหนึ่งถูกกำหนดโดย กลไกตลาด ทำให้การโจมตีค่าเงินทำได้ยากกว่า

 

 

 

(2) ปัญหาในตอนน้ันเป็นปัญหาเงินทุนไหลออก ซึ่งกดดันให้บาทอ่อน ขณะที่ปัจจุบันเป็นปัญหาของเงินทุนไหลเข้า ซึ่งกดดันให้บาทแข็ง วันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ผมยังไม่ได้เป็นพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย แต่รับทุนธนาคารมาแล้ว ค่าเงินบาทที่อ่อนลงอย่างมากทำให้มูลค่าทุนที่ผมผูกพันกับธนาคารแห่งประเทศไทยในรูปของเงินบาทสูงขึ้นอย่างมาก แต่ในฐานะนักเรียนทุน ผมก็ทำงานชดใช้ทุนไปเรื่อยๆต่างจากบริษัทห้างร้านต่างๆ ท่ีมีหน้ีเป็นสกุลเงินต่างประเทศ ท่ีไม่สามารถนำเงินมาชดใช้มูลค่าหน้ีท่ีสูงขึ้นได้ ทำให้ต้องผิดนัดชำระหนี้ และส่งผลสั่นสะเทือนสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ท้ังระบบ จนสถาบันการเงินหลายแห่งต้องล้มหรือแทบจะล้มละลายไปด้วย ทำให้เกิด ปัญหาสภาพคล่องของระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ

 

 

(3) การแทรกแซงค่าเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยในภาวะเงินทุนไหลออก ใช้การขายสินทรัพย์หรือเงินสำรอง ระหว่างประเทศ ทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศลดลง ขณะท่ีการแทรกแซงในภาวะเงินทุนไหลเข้า ใช้การซื้อสินทรัพย์ต่างประเทศ ทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น การลอยตัวค่าเงินบาทในปี 2540 เป็นผลจากการท่ีธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าเงินสำรองระหว่างประเทศเหลือไม่พอท่ีจะขายเพื่อปกป้องค่าเงิน ตามภาษาชาวบ้าน ที่ว่าหมดหน้าตัก ขณะท่ีในปัจจุบัน เงินสำรองของธนาคารแห่งประเทศไทย (รวมสถานะการซื้อเงินตราต่างประเทศ ล่วงหน้า) มีมากกว่าสองแสนล้านเหรียญสหรัฐ สูงมากกว่ามาตรฐานสากลมาก ไม่ว่าจะวัดในตัวของมันเอง หรือเทียบ กับมูลค่าการนำเข้า มูลค่าหนี้ต่างประเทศ หรือขนาดเศรษฐกิจ ดังนั้น ความมั่นคงด้านต่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบันจึงไม่น่าเป็นห่วง

 

 

 

 

(4) การขาดทุนของธนาคารแห่งประเทศไทยในปัจจุบันส่วนหนึ่งเป็นผลจากการตีราคาเงินสำรองระหว่างประเทศเป็นเงินบาท ค่าเงินบาทท่ีแข็งขึ้นทำให้เงินสำรองระหว่างประเทศที่แปลงเป็นสกุลเงินบาทมีมูลค่าลดลง โดยท่ีเงินสำรองในรูปของเงินดอลลาร์ไม่ได้หายไปไหน ยังมีให้ใช้เป็นจำนวนมากในทางกลับกัน การอ่อนค่าของเงินบาทในปี 2540 ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีกำไรจากการตีราคาค่าเงิน แต่เป็นกำไรที่เอามาใช้ไม่ได้ เพราะการดูแลค่าเงินต้องใช้ เงินสำรองในรูปของเงินดอลลาร์ซึ่งตอนน้ันแทบไม่มีเหลือ

 

 

(5) ในปี 2540 มีบริษัทที่ต้องปิดกิจการไปเพราะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนทางบัญชี แต่การขาดทุนของธนาคารกลาง แบบธนาคารแห่งประเทศไทยต่างจากการขาดทุนของบริษัทหรือสถาบันการเงินท่ัวๆไป เพราะธนาคารกลางมีความสามารถในการพิมพ์เงินเองได้ ซึ่งความสามารถในการดำเนินกิจการต่อไปเรื่อยๆของธนาคารกลางข้ึนกับความน่าเช่ือถือของธนาคารกลางมากกว่าสถานะของงบดุล ซึ่งปัจจุบัน ความน่าเชื่อถือของธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นจุดแข็งของประเทศที่บริษัทจัดอันดับความน่าเช่ือถือของประเทศมักหยิบยกข้ึนมาเสมอ โดยท่ีการขาดทุนของธนาคารแห่งประเทศไทยมิได้เป็นประเด็นแต่อย่างใด อย่างไรก็ดี ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ตระหนักว่า การขาดทุนต่อเนื่อง ถึงจุดจุดหน่ึงก็อาจบั่นทอนความน่าเช่ือถือของธนาคารกลางได้ เพราะถึงจะพิมพ์เงินเองได้ แต่ถ้าธนาคารกลางสูญเสียความน่าเช่ือถือ เงินท่ีพิมพ์ออกมาก็ไม่มีค่า และนำไปสู่วิกฤตเงินเฟ้อในที่สุด

 

 

 

 

(6) ในปี 2540 เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยถือว่าง่อนแง่นเป็นอย่างมาก โดยนอกจากเงินสำรองระหว่างประเทศจะร่อยหรอแล้ว ดุลบัญชีเดินสะพัด หรือผลต่างของรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการกับรายจ่ายในการนำเข้าสินค้าและบริการ ยังขาดดุลสูง โดยในปี 2539 ไทยขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่าร้อยละ 8 ของขนาดเศรษฐกิจเทียบกับในปี 2559 ท่ีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ 12 ของขนาดเศรษฐกิจ

 

 

(7) ท้ายที่สุด หลายจุดอ่อนสำคัญท่ีนาไปสู่วิกฤตปี 2540 ได้ถูกปิดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นจุดอ่อนด้านความมั่นคงของระบบสถาบันการเงิน ด้านการพึ่งพาหนี้สกุลเงินต่างประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่มีจุดโหว่และไม่ทันการณ์ ตัวอย่างของระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ดีข้ึน เช่น การมีข้อมูลจีดีพีรายไตรมาสจากเดิมท่ีเป็นรายปี การจัดตั้บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติท่ีปัจจุบันขยายรวมถึงลูกหน้ีของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ที่ทำให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการมีข้อมูลอุปสงค์และอุปทานของท้ังตลาด เป็นต้น

 

 

               

                  เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีสัญญาณการฟื้นตัวท่ีชัดเจนตามการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้าและบริการที่ได้รับผลดีจากเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายในประเทศยังไม่เข้าท่ีนักโดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนท่ีจากข้อมูลล่าสุดยังคงหดตัว น่าเป็นสาเหตุสำคัญท่ีทำไมคนทั่วไปยังไม่รู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น การแชร์ข้อมูลท่ีทำให้คนเข้าใจผิดว่าวิกฤตเศรษฐกิจแบบปี 2540 กำลังจะกลับมาอาจทำให้ประชาชนไม่กล้าจับจ่ายใช้สอยและธุรกิจบางส่วนไม่กล้าลงทุน ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้าและไม่ดีเท่าท่ีควรจะเป็น

--------------------------------------------------------------
บทความนี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย

 

 

 

 

อ้างอิง : ดอน นาครทรรพ จาก เว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย


Yoo