ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่อง 4 หุ้นร้อน ซื้อวันนี้คืนทุนอีกที 100 ปี

โดย Durant
เผยแพร่ :
58 views

ส่อง 4 หุ้นร้อน P/Eสูง ซื้อวันนี้คืนทุนอีกที 100 ปี

ความเสี่ยงของการลงทุน สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือการวิ่งตามความร้อนแรงของราคาหุ้น จนสุดท้ายต้องติดดอยตามๆกัน ดังนั้นเมื่อราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องคำนึงถึงก็คือ “พื้นฐานของหุ้น” ที่จะมีความน่าสนใจสักแค่ไหน เพราะสุดท้ายแล้วปัจจัยพื้นฐาน ย่อมเป็นตัวชี้วัดราคาหุ้นอยู่ดี


ทั้งนี้ทีมข่าว Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาไขคำตอบไปด้วยกัน กับประเด็น P/E หรือ อัตราส่วนราคาปิดกำไรต่อหุ้น โดยจากการสำรวจผ่าน setsmart.com พบว่า ข้อมูล ณ วันที่ 1 ม.ค.64 พบหุ้น SET100 ที่มีค่า P/E สูงมากกว่า 100 เท่า ทั้งสิ้น 4 หลักทรัพย์ คือ AOT อยู่ที่ 200.86 เท่า ตามด้วย GULF อยู่ที่ 116.71 เท่า PLANB อยู่ที่ 111.38 เท่า และ DELTA อยู่ที่ 103.54 เท่า โดยทั้ง 4 หุ้นเหล่าหนี้มีค่า P/E ถือว่าอยู่ในระดับสูง แล้วจะยังมีความน่าสนใจหรือไม่ เรามาหาคำตอบด้วยกันเลย


ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า P/E เป็นพื้นฐานของการคาดการณ์ถึงจุดคุ้มทุนได้ อธิบายง่ายๆ เช่น หุ้น A มี P/E เท่ากับ 10 เท่า เบื้องต้นเราจะได้ทุน 10 บาทคืนเมื่อ ถือหุ้น A ครบ 10 ปี  แต่ข้อมูลนี้เป็นเพียงการวิเคราะห์พื้นฐานเบื้องต้นเท่านั้น บางกรณีหุ้นที่มี P/E สูงก็ยังมีความน่าสนใจ เช่น หุ้น Growth Stock หุ้นเหล่านี้จะมี P/E สูง แต่ถ้าต้องการดูว่าสูงจนแพงเกิน ราคาหรือไม่ และต้องดูที่ P/E ไม่ควรเกินการเติบโตของกำไร เป็นต้น

 

AOT หุ้นขวัญใจนักท่องเที่ยว

โดยเริ่มจาก AOT หุ้นที่มีค่า P/E สูงที่สุดใน SET 100  และปัจจุบันเกิดการระบาดของ COVID-19 ทำให้ภาคการท่องเที่ยวชะลอตัวอย่างชัดเจน AOT ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ราคาหุ้น AOT กลับมาสู่ Zone ที่น่าสนใจอีกครั้ง โดยเรามอง AOT เป็นตัวแทนของการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยในยุค Post COVID-19 ขณะที่ราคาหุ้นที่ 60.00 บาทต่อหุ้น (แบบบวกลบ) มี Risk Reward ที่น่าสนใจจึงปรับเพิ่มคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” อิงราคาเหมาะสม 75.50 บาทต่อหุ้น


ทั้งนี้ แม้ AOT จะมีผลขาดทุนอีกอย่างน้อย 2 ไตรมาส อย่างไรก็ดีผลลบดังกล่าวจำกัดเนื่องจาก AOT มีงบดุลที่แข็งแกร่งเพียงพอรองรับภาวะขาดทุนและมาตรการช่วยเหลือร้านค้าและสายการบินเพิ่มเติม โดยการกระจายวัคซีนที่รวดเร็วในครึ่งแรกปี 64 เป็นปัจจัยสำคัญที่เราให้น้ำหนักมากกว่า หากทำได้ต่อเนื่องในไตรมาส 2-3/64 การเปิดประเทศอย่างมีนัยสำคัญจะเริ่มเห็นตั้งแต่ไตรมาส 4/64


ดังนั้นในปีปฏิทิน 2564/65 ของ AOT เราคาดผลประกอบการจะกลับเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวในอัตราเร่งต่อเนื่องยาว 3 ปี หนุนจาก 1.ผลบวกจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวรอบใหญ่ของประเทศไทยจากภาครัฐ 2.Pend-up demand ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก และ3.ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศที่สดใหม่หลังได้รับการฟื้นฟูมากว่า 1 ปี พร้อมดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ


จึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2564/65 ระหว่างเดือนตุลาคม 2564 –กันยายน 2565 เป็น 1.4 หมื่นล้านบาท (ลดลง 12% เทียบกับประมาณการเดิม) เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2563/64 ที่คาดมีผลขาดทุน 6.4 พันล้านบาท และ กำไรปกติปี 2565/66 ระหว่างเดือนตุลาคม 2565 –กันยายน 2566 เป็น 2.9 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 22% เทียบกับประมาณการเดิม) อิงสมมติฐานนักท่องเที่ยวจะทำระดับสูงสุดใหม่เทียบกับปี 2562 ในปี 2565/66

 

GULF กำไรโตระเบิด

ต่อมา GULF หุ้นโรงไฟฟ้ายอดนิยมของนักลงทุน โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้แนะนำ ซื้อ GULF ราคาเป้าหมาย 48 บาท เบื้องต้นคาดไตรมาส 4/63 กำไรราว 1.3 พันล้านบาท หนุนโดยการเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเยอรมนี นอกจากนี้เรามองบวกต่อการลงทุนใน INTUCH ซึ่งคาดจะได้ Synergy ด้านเทคโนโลยีในระยะยาว รวมถึงธุรกิจท่อส่งแก๊สซึ่งเป็นบวกต่อธุรกิจนำเข้า LNG โดยคาดกำไรปี 2564 โตก้าวกระโดด 81% จากปีก่อน หลังจากนั้นปี 2565 จะเติบโตอีก 121% ซึ่งทางเทคนิคราคาหุ้นสามารถยืนเหนือแนวรับบริเวณ 33 บาทและเส้นต้นทุนค่าเฉลี่ย 200 วัน ทำให้มีโอกาสเกิด Technical Rebound

 

PLANB ปี 64 โดดเด่น

ขณะที่ PLANB หุ้นเครือข่ายของสื่อนอกบ้านที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ในปี 2564 คาดผลประกอบการฟื้นตัวก้าวกระโดด โดยคาดกำไรปี 2564 ฟื้นตัวโดดเด่น 489% เป็น 705 ล้านบาท จากสมมติฐานสถานการณ์ COVID-19 จะค่อยๆคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในครึ่งหลังปี 64  


โดยคาด 1.อัตราการใช้สื่อโฆษณานอกบ้านปรับเพิ่มจากปี 2563 ที่ 46% เป็น 65%  2.ธุรกิจบริหารสื่อโฆษณาใน 7-Eleven จะเพิ่มจากสิ้นปีก่อนที่ 1,000 สาขา เป็น 1,500 สาขาภายในไตรมาส 1/64 ต่อมา 3.รายได้จากธุรกิจ Engagement Marketing (Artist Management, Sports marketing, E-Sport & Gaming) ฟื้นตัว เป็น 550 ล้านบาท เติบโต 58%จากปีก่อน


4.คาดว่าจะรับรู้งานโอลิมปิค ส่วนที่เหลือเข้ามาราว 160 ล้านบาท  จากทั้ง broadcast ที่ได้จาก กสทช. และจาก sponsorship บนสมติฐาน การแข่งขันโอลิมปิคเริ่ม ก.ค  ส.ค.64  และ5.ธุรกิจอื่นๆ อาทิ สื่อในสนามบิน สื่อในห้างสรรพสินค้า คาดฟื้นตัวเด่นในครึ่งหลังปี 64 โดยเราคาดรายได้รวมปรับเพิ่มขึ้นเป็น 4,750 ล้านบาท เติบโต  50%จากปี 63 ด้านประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น จากรายได้ที่พื้นตัว โดยคาด Operating profit margin ปรับเพิ่มจากปี 2563 ที่ 10.2% เป็น 21.2%


ดังนั้นจึงคงคำแนะนำ เก็งกำไร  โดยมองว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดกำไรจะฟื้นตัวโดดเด่นในปี 2564 เราปรับมูลค่าพื้นฐานใน 12 เดือนข้างหน้าจากเดิมที่ 6.50บาท เป็น 7.10 บาท สะท้อนการปรับสมมุติฐานอัตราผลตอบแทนตลาด (Rm) จากเดิมที่ 10% เป็น 9% 

 

DELTA กำไรพุ่ง 3 เด้ง

และสุดท้าย DELTA หุ้นสุดร้อนแรงของยุคนี้ และถูกพูดถึงมากที่สุด เพราะราคาหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น โดยล่าสุดนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้แนะนำ `ขาย` ราคาเป้าหมายที่ 200 บาท โดยคาดว่ากำไรสุทธิของ DELTA ในไตรมาส 4/63 จะอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เติบโต 342%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 36%จากไตรมาสก่อน ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิในปี 2563 อยู่ที่ 7.2 พันล้านบาท เติบโต 144%จากปีก่อน แต่หากไม่รวมกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากธุรกิจหลักในปี 2563 จะอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท เติบโต 129% จากปีก่อน


นอกจากนี้ในบทวิเคราะห์ของ KGI Taiwan เรื่อง “IT hardware: Server market to rebound on Whitley platform launch” เผยแพร่เมื่อ 22 ธ.ค. 2563 ระบุว่าอุตสาหกรรม servers มีแนวโน้มเป็นบวกในปี 2564 เนื่องจากคาดว่างบลงทุน (CAPEX) ของผู้ประกอบการระดับ hyperscale ส่วนใหญ่จะโตถึงระดับสองหลักในปีนี้ (+11%)


ขณะเดียวกันในบทวิเคราะห์ของ KGI Taiwan เรื่อง Electric vehicle sector: Era of electric vehicle” เผยแพร่เมื่อ 31 ธ.ค. 2563 ก็ระบุว่าตลาด EV น่าจะโตต่อเนื่องในปี 2564 โดยคาดว่ายอดขาย EV ทั่วโลกจะโตถึง 41% ในปีนี้ โดยมีอัตราการใช้งาน (penetration rate) อยู่ที่ 4.7% เราเชื่อว่า DELTA อยู่ในสถานะที่ดีที่จะได้อานิสงส์จากธุรกิจเหล่านี้ (25% ของยอดขายเกี่ยวข้องกับ data center และ 15% ของยอดขายเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์) เราได้ทบทวนและปรับสมมติฐาน (ยอดขาย, GPM, และ FX) (Figure 4) ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ลงอีก 5% และปี 2565 ลงอีก 2% โดยคาดปี 2564 มีกำไรสุทธิ 7,379 ล้านบาท เติบโต 8.77%

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


Durant