ความหวังในการเติบโตของกองทุนรวมไทย
หากพูดถึงกองทุนรวม คนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ คงคุ้นชินกับกองทุน LTF และ RMF ซึ่งเป็นกองทุนประเภทที่นอกจากใช้ลงทุนในระยะยาวแล้ว ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีประจำปีได้อีกด้วย แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีกองทุนอีกหลายประเภทที่น่าสนใจ ซึ่งมีสินทรัพย์โดยรวมสุทธิเติบโตขึ้นทุกปีๆ แต่จะมีอะไรบ้างลองไปดูกัน!!
กองทุนรวมซึ่งเกิดจากการระดมทุนจากนักลงทุนทั่วไป ไปลงทุนในสินทรัพย์หนึ่งๆ ตามวัตถุประสงค์ของกองทุน โดยบริหาร จัดการสินทรัพย์อย่างมีประสิทธิภาพผ่านผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ โดยสามารถแบ่งตามประเภทของกองทุน ได้แก่ กองทุนรวมพื้นฐาน (Basic Funds) เช่น กองทุนเปิดที่ลงทุนสินทรัพย์ประเภทตราสารทุน หรือตราสารหนี้, กองทุนรวมที่มาพร้อมสิทธิการลดหย่อนภาษี เช่น กองทุน Long-Term Equity Funds (LTF) และกองทุน Retirement Mutual Funds (RMF), กองทุนเพื่อการลงทุนสินทรัพย์ต่างประเทศ, กองทุนอสังหาริมทรัพย์, และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
รูปที่ 1 สัดส่วนกองทุนรวมประเทศไทย แบ่งตามประเภทของกองทุน ประจำปี 2557
(ที่มา: AIMC, 2018)
จากรูปที่ 1 เป็นการจำแนกสัดส่วนสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของกองทุนรวมประเทศไทยตามประเภทของกองทุน ประจำปี 2557 พบว่า กองทุนรวมพื้นฐานมีสัดส่วนมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49 ตามไปด้วยกองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศร้อยละ 22, LTF ร้อยละ 8, RMF กองทุนตราสารเงิน กองทุนโครงสร้างพื้นฐานร้อยละ 5, กองทุนอสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 4, และอื่นๆ
นอกจากนี้ หากแบ่งประเภทกองทุนตามสินทรัพย์ที่ลงทุนแล้ว สามารถแบ่งได้ตามรูปที่ 2 พบว่า กองทุนที่เน้นลงทุนในตลาดตราสารหนี้มีสัดส่วนมากที่สุดถึงร้อยละ 54 ตามไปด้วย กองทุนที่เน้นตราสารทุนร้อยละ 27, กองทุนผสมร้อยละ 7, กองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานอีกร้อยละ 5 และหากเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่างประเทศอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมกองทุนรวมใหญ่ที่สุดในโลก จากรูปที่ 3 พบว่า สัดส่วนกองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดทุนมากที่สุดถึงร้อยละ 55 ตามไปด้วย กองทุนพันธบัตรร้อยละ 22 กองทุนตลาดเงินร้อยละ 15 และกองทุนผสมร้อยละ 8
รูปที่ 2 สัดส่วนกองทุนรวมประเทศไทย แบ่งตามสินทรัพย์การลงทุน ประจำปี 2557
(ที่มา: AIMC, 2018)
รูปที่ 3 สัดส่วนกองทุนรวม USA แบ่งตามสินทรัพย์การลงทุน ประจำปี 2557
(ที่มา: Investment Company Fact book of the Investment Company Institute, 2018)
จะเห็นได้ว่า ถึงแม้ผลตอบแทนของตราสารทุนจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลังมากที่สุดเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ แต่ในประเทศไทย กองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ ยังมีสัดส่วนมากกว่ากองทุนที่ลงทุนในตราสารทุน ซึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนไทยอาจะยอมรับความเสี่ยงได้น้อยกว่าหรือยังไม่มีความรู้ ความใจในการลงทุนกับตราสารทุนเพียงพอ อย่างไรก็ตาม หากพฤติกรรมนักลงทุนเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต โดยเน้นมาลงทุนในตราสารทุนมากขึ้น ไม่แน่ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET อาจพุ่งไปยืนเหนือ 2,000 จุด ก็เป็นได้!!!