-------------------------------------------------------
บทความตอนที่ผ่านๆมาอ่านได้จาก: www.chiangmaifx.com/component/content/article/93-article-by-cmfx/808-price-patterns.html
www.facebook.com/275391639215535/photos/pcb.1603468543074498/1603467323074620/
-------------------------------------------------------
บทที่ 4 เส้นแนวโน้ม (Trendlines)
เส้นแนวโน้มเป็นเครื่องมือที่ง่ายใช้สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการวิเคราะห์เชิงเทคนิค เนื่องจากการสร้างรูปแบบราคาเกือบทั้งหมดต้องใช้เส้นแนวโน้ม ดังนั้นมันจึงเป็นพื้นฐานในการสร้างขอบเขตที่ใช้แจกแจงลักษณะและตีความรูปแบบของราคา ในบทนี้เราจะกล่าวถึงลักษณะของเส้นแนวโน้มและอธิบายถึงความสำคัญของเส้นแนวโน้มแต่ละเส้น
เส้นแนวโน้มคือเส้นตรงที่เชื่อมชุดของจุดต่ำสุดที่กำลังเอียงขึ้นในตลาดขาขึ้น หรือเชื่อมชุดของยอดสูงสุดที่กำลังเอียงลาดลงมา เส้นแนวโน้มที่ลากระหว่างจุดต่ำสุดจะเรียกว่าเส้นแนวโน้มขาขึ้น up trendlines และเส้นแนวโน้มที่ลากระหว่างจุดสูงสุดจะเรียกว่าเส้นแนวโน้มขาลง down trendlines และโดยทั่วไป เส้นแนวโน้มขาลงจะเป็นการลากเส้นจุดสูงสุดอันสุดท้ายไปยังกับจุดสูงสุดอันแรกที่เริ่มมีการไล่ราคาลง ดังรูปที่ 4-1 ถ้าราคาทะลุขึ้นเหนือเส้นแนวโน้มได้ก็จะเกิดเป็นสัญญาณกลับตัวกลายเป็นเส้นแนวโน้มขาขึ้น (ดูรูปที่ 4-1)
รูปที่ 4-1 เส้นแนวโน้มขาลง
วิธีการวาดเส้นแนวโน้ม
เพื่อให้ได้เส้นแนวโน้มที่แท้จริง เส้นที่วาดต้องเชื่อมยอดสูงสุดติดต่อกันตั้งแต่สองยอดขึ้นไป ไม่อย่างนั้นมันจะมีช่องว่างและไม่สามารถตีความได้ เราถือว่าเส้นแนวโน้มที่สัมผัสเพียงจุดเดียวอย่างในรูปที่ 4-2 หรือไม่มีการสัมผัสที่จุดใดเลยอย่างในรูปที่ 4-3 นั้นไม่มีความหมาย ดังนั้นการลากเส้นต้องมีจุดที่สัมผัสที่ติดต่อกันเท่านั้นจึงจะถือว่ามีความสำคัญและเป็นเส้นแนวโน้มที่แท้จริงเพราะมันเป็นตัวแทนของเส้นแนวโน้มพื้นฐาน
รูปที่ 4.2 เส้นแนวโน้มที่สัมผัสเพียงจุดเดียว
รูปที่ 4-3 เส้นแนวโน้มที่ไม่มีการสัมผัสที่จุดใดเลย
ตามหลักการแล้ว เส้นแนวโน้มขาขึ้นจะวาดโดยการเชื่อมจุดต่ำสุดอันแรกกับจุดต่ำสุดที่สูงกว่าถัดไป ในรูปที่ 4-4 เส้น AD จะถูกเรียกว่าเส้นแนวโน้มระยะยาวหรือแนวโน้มหลัก primary trend ในกรณีของแนวโน้มระยะยาวนี้จะเป็นจุดต่ำสุดของตลาดหมีและเป็นจุดต่ำสุดแรกของแนวโน้มระยะกลางหรือเส้นแนวโน้มรอง เส้นแนวโน้มจากตัวอย่างมีการทำมุมเอียงขึ้นที่ค่อนข้างตื้น จากนั้นราคาก็ปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วแสดงว่ามันสามารถทะลุแนวต้านได้ค่อนข้างแข็งแกร่งหลังจากผ่านจุดสูงสุดสุดท้ายไปแล้ว
รูปที่ 4-4 เส้นแนวโน้มหลักและเส้นแนวโน้มรอง
ในสถานการณ์ที่ราคาดีดตัวขึ้นไปเช่นนี้จะต้องทำการตีเส้นแนวโน้มใหม่ รูปที่ 4-4 จะได้เส้น BC เป็นเส้นแนวโน้มใหม่ที่สะท้อนแนวโน้มพื้นฐานได้ดีกว่าและเส้น BC นี้ถูกเรียกว่าเส้นแนวโน้มรอง สำหรับกรณีที่ต้องวาดเส้นของแนวโน้มขาลงก็ใช้หลักการเดียวกันแต่ในทิศทางตรงกันข้ามเท่านั้น
------จบบทความแปล Price Pattern ตอนที่ 6, www.chiangmaiFX.com------