ห้องเม่าปีกเหล็ก

จับจังหวะลงทุน 6 หุ้น รับประโยชน์ราคา Commodity ฟื้นแรง

โดย Sunnyday
เผยแพร่ :
149 views

จับจังหวะลงทุน 6 หุ้น

รับประโยชน์ราคา Commodity ฟื้นแรง

.

ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. 66 ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ หรือ Commodity ปรับตัวขึ้นแรงเกือบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นค่าระวางเรือ ราคายางพารา ราคาน้ำตาล และราคาน้ำมันดิบ วันนี้ Wealthy Thai จึงจะพามาสำรวจหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ จะมีหุ้นตัวไหนน่าสนใจ และเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนหรือไม่ ติดตามได้ในบทความนี้

.

โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ให้มุมมองว่าตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. 66 ราคา Commodity ปรับขึ้นแรงเกือบทุกชนิด จากสาเหตุการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมขั้นปลายทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ หนุน Demand เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยฯ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งมีรายละเอียดแต่ละประเภท ดังนี้

.

ค่าระวางเรือ (BADI) ปรับขึ้น 9.2% นับจากต้นเดือนก.ย.ถึงปัจจุบัน ดีต่อหุ้นกลุ่ม Logistic เช่น PSL TTA WICE III SJWD ซึ่งผลประกอบการช่วงครึ่งหลังของปีนี้มีโอกาสดีกว่าครึ่งปีแรก จากการเข้าสู่ช่วง High season ของหุ้นกลุ่มนี้

.

ราคายางแท่งและยางแผ่น ปรับขึ้น 3.5-6% นับจากต้นเดือนก.ย.ถึงปัจจุบัน จากความคาดหวังได้แรงเสริมจากมาตรการภาครัฐฯ ในการรักษาเสถียรภาพราคายาง ดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออกยาง เช่น STA TRUBB NER

.

ราคาน้ำตาล ปรับขึ้น 5% นับจากต้นเดือนก.ย.ถึงปัจจุบัน จากรัฐบาลอินเดียเตรียมประกาศห้ามส่งออกน้ำตาลฤดูกาลหน้า (ต.ค.66) ซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่สุดของโลก หนุน Supply ลดลง ดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออกน้ำตาลอย่าง KSL KTIS

.

ราคาน้ำมันดิบ BRENT WTI ปรับขึ้น 4.3-4.6% นับจากต้นเดือนก.ย.ถึงปัจจุบัน จากความกังวลภาวะน้ำมันตึงตัวจากกลุ่ม OPEC+ ดีต่อหุ้นกลุ่มน้ำมันอย่าง PTT PTTEP IRPC SPRC TOP

.

ทั้งนี้ราคา Commodity ปรับตัวขึ้นแรงตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.66 และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ จาก Demand ที่โอกาสฟื้นตัว และ Supply ที่หดหาย สำหรับกลยุทธ์การลงทุน เน้นกลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จากประเด็นดังกล่าว ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์ชอบหุ้น III SJWD STA NER และ PTTEP เป็นต้น

.

ส่วนแนวโน้มการดำเนินงานของหุ้นแต่ละตัว Wealthy Thai รวบรวมมาให้แล้ว มาเริ่มกันที่ III นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า แนวโน้มกําไรครึ่งปีหลังจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ค่าระวางมี Downside จํากัด เนื่องจากช่วง COVID-19 ระบาด สายการบินปิดตัวลง ส่งผลให้พื้นที่ระวางลดลงสวนทางกับ Demand ของผู้โดยสารที่จะกลับมาเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี

.

ด้าน AOTGA อยู่ระหว่างการขยายธุรกิจเข้าไปทําที่สนามบินสุวรรณภูมิเพิ่ม และ ANI เตรียม IPO เข้า SET ในช่วงไตรมาส 4/66 คาดกำไรปี 2566 ที่ 612 ล้านบาท ลดลง 23% จากปีก่อน ให้คำแนะนำ Outperform ราคาเหมาะสม 18.10 บาท

.

ถัดมา SJWD นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดไตรมาส 3/66 ฟื้นตัวจากฐานต่ำและจะทำนิวไฮได้อีกครั้งในไตรมาส 4/66 จากการฟื้นตัวชัดเจนขึ้นของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์และถ่านหิน หนุนรายได้และ GPM ของ SCGL

.

ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคาดดีขึ้นจากเวียดนาม (TMS) และกัมพูชา (PPSP) เริ่มมีการโอนที่ดินมากขึ้น แต่ยังมีค่าใช้จ่าย One-time ที่เกิดจากการควบรวมทยอยรับรู้อีกราว 60 –70 ล้านบาท แต่การฟื้นตัวในครึ่งปีหลังยังช้ากว่าที่คาดทำให้ปรับประมาณการกำไรลง สะท้อนว่าราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยเสี่ยงไปมากแล้วจึงคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 16.70 บาท โดยคาดกำไรปี 66 จะอยู่ที่ 764 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51% จากปีก่อน

.

STA นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ระยะสั้นหลีกเลี่ยงแต่ระยะเกิน 6 เดือนทยอยสะสม ลดราคาเป้าหมายเหลือ 13 บาท จากเดิม 15 บาท เพราะมองแนวโน้มธุรกิจยางไม่สดใส มีทั้งความเสี่ยงด้านผลผลิตลดลงและความเสี่ยงด้านลูกค้าที่ความต้องการชะลอตัวกังวลภาวะเศรษฐกิจ

.

โดยประเมินไตรมาส 3/66 จะเป็นจุดต่ำสุด คาด STA ขาดทุนในไตรมาส 3/66 เพราะปริมาณขายและราคาขายยางลดลง ขณะที่ต้นทุนยางลดช้ากว่าราคาขาย จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ลงเพราะลดเป้าปริมาณขายและราคาขาย คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 327 ล้านบาท ลดลง 93% จากปีก่อน ส่วนสินค้าใหม่คือยางมาตรฐาน EUDR ไปยังผู้ผลิตยางล้อยุโรปมีมาร์จิ้นสูง แต่ความต้องการเพิ่งเริ่มต้นจึงไม่สามารถชดเชยกำไรที่ลดลงได้

.

NER นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัทคาดปัจจัยลบได้สะท้อนเกือบหมดแล้ว และรอ upside หากจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ต.ค. นี้ จะทำให้ราคาปริมาณขายยางในครึ่งแรกปี 67 ดีขึ้น

.

ส่วนเอลนีโญคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 66-67 ทำให้ราคายางเพิ่มขึ้นส่งผลให้ GPM ต่อราคาขายเด่นในไตรมาส 3/67 เป็นต้นไปอย่างไรก็ตามแนวโน้มกำไรในครึ่งหลังของปี 66 อาจยังไม่โดดเด่น เพราะราคาขายและปริมาณขายยางลดจากครึ่งปีแรก เป็นผลจากสัญญาที่ทำ 4-5 เดือนที่แล้วช่วงอุตสาหกรรมรถยนต์ขาดกำลังซื้อ ประเมินปีนี้กำไร 1,304 ล้านบาท ลดลง 25% จากปีก่อน ให้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 5.30 บาท

.

KSL นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มีมุมมองเชิงลบต่องบไตรมาส 3/66 ที่ขาดทุนสุทธิ 165 ล้านบาท ผิดไปจากที่ฝ่ายวิเคราะห์คาด เพราะปริมาณขายน้ำตาลลดลง 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 27% จากไตรมาสก่อนหน้า ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง รวมทั้งต้นทุนอ้อยต่อค่าแรงต่อค่าพลังงานเพิ่มขึ้นเร็วกว่าราคาขายน้ำตาลส่งออก จึงทำให้ GPM ลดเหลือเพียง 2.5%

.

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/66 คาดกำไรสุทธิเพียง 50-100 ล้านบาท ดีขึ้นจากไตรมาส 3/66 เพราะค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่บันทึกไปแล้วใน อย่างไรก็ตามคาดว่าประมาณการปี 66 และ 67 มี downside ราว 29% และ 10% ตามลำดับ แนะนำขายออกไปก่อนด้วยราคาเป้าหมายที่ 3.30 บาท

.

และ PTTEP นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การที่บริษัทปรับเป้าปริมาณขายปี 66 ขึ้นราว 2% ไม่ได้ทำให้ upside เปลี่ยนทิศทางกำไรอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของปริมาณขายในครึ่งปีหลังไม่ได้เหนือกว่าคาด คงมุมมองแรงหนุนราคาหุ้นในครึ่งปีหลังจะมาจากความคืบหน้าของการขยายการลงทุน

.

ดังนั้นคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย 173.50 บาท สามารถซื้อเก็งกำไรปัจจัยบวกราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวตามความคาดหวัง supply น้ำมันดิบโลกตึงตัวจากการลดกำลังการผลิตของซาอุฯ และความต้องการใช้ในจีนฟื้นตัว รวมถึง upside จากโครงการระหว่างสำรวจฯ และการเข้าซื้อแหล่งใหม่

 

 

 


Sunnyday