ยังไม่ปวด อย่าฉี่ไปก่อน เสี่ยงกระเพาะปัสสาวะพังไม่รู้ตัว!
By ฟาริดา วัลเล่อร์
แพทย์ยืนยัน! เข้าห้องน้ำก่อนปวด อาจติดนิสัยทำลายสุขภาพกระเพาะปัสสาวะโดยไม่รู้ตัว ทำให้ปัสสาวะถี่ขึ้น อั้นไม่อยู่ จนเสี่ยงเป็น “กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน”

เชื่อว่า หลายคนตอนเด็กๆ คงเคยโดนแม่บอกให้ “เข้าห้องน้ำก่อนออกจากบ้าน” หรือ แวะเข้าห้องน้ำ “กันเหนียว” ทั้งที่ยังไม่รู้สึกปวดจริงๆ แต่รู้หรือไม่ว่า พฤติกรรมเหล่านี้ อาจเป็นตัวการ ทำให้สุขภาพกระเพาะปัสสาวะของเราแย่ลงโดยไม่รู้ตัว
กรุงเทพธุรกิจ จะพาไปหาคำตอบว่า ทำไมการ “เข้าห้องน้ำกันไว้ก่อน” ถึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำ แล้วเราควรดูแลสุขภาพกระเพาะปัสสาวะอย่างไรให้แข็งแรงในระยะยาว
ปัสสาวะก่อนปวด เป็นการทำร้ายตัวเองหรือไม่
ดร.อาเรียน่า สมิธ (Dr. Ariana Smith) ศาสตราจารย์ด้านระบบทางเดินปัสสาวะ แห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย อธิบายว่า การเข้าห้องน้ำเป็นครั้งคราว แม้ยังไม่ปวดนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่หากทำจนเป็นนิสัยหลายครั้งต่อวัน อาจรบกวน “วงจรธรรมชาติ” ระหว่าง “สมองกับกระเพาะปัสสาวะ”
เมื่อเราปัสสาวะก่อนถึงจุดที่ร่างกายควรจะรู้สึกปวดจริง ๆ กระเพาะปัสสาวะจะเริ่มส่งสัญญาณเตือนสมองเร็วขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ระยะเวลาที่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ลดลง และอาจทำให้รู้สึกปวดบ่อยขึ้น แม้กระเพาะปัสสาวะจะยังไม่เต็ม
กลไกธรรมชาติของการปัสสาวะ
โดยทั่วไป กระเพาะปัสสาวะของผู้หญิง จุได้ราว 500 มล. (ประมาณ 2 แก้ว)
ส่วนผู้ชาย จุได้ราว 700 มล. หรือเกือบ 3 แก้ว
ร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณให้รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ เมื่อมีน้ำอยู่ราว 150 - 250 มล. โดยการส่งสัญญาณผ่านเส้นประสาท จากกระเพาะปัสสาวะ ไปยังสมอง
หากเรามีนิสัยปัสสาวะทุกครั้งก่อนถึงจุดนี้ ก็จะเป็นเหมือนกับการ “ฝึก” ให้กระเพาะปัสสาวะจดจำว่า มีน้ำแค่นิดเดียวก็ต้องรีบปล่อย ซึ่งในระยะยาว อาจทำให้กระเพาะปัสสาวะจุน้ำได้น้อยลง และทำให้ปวดบ่อยขึ้น แม้มีน้ำเพียงเล็กน้อยก็ตาม
ผลกระทบต่อกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน
นอกจากจะรบกวนระบบสั่งการแล้ว การเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะก่อนปวดจริง ยังทำให้หลายคน “เบ่ง” โดยไม่จำเป็น ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (Pelvic Floor Muscles) ที่ทำหน้าที่พยุงปัสสาวะ และอวัยวะภายในอื่น ๆ
ดร.แคธริน เบอร์จิโอ (Dr. Kathryn Burgio) นักจิตวิทยาด้านพฤติกรรมและผู้เชี่ยวชาญอาวุโส แห่งมหาวิทยาลัยอลาบามา กล่าวว่า พฤติกรรมนี้ อาจทำให้ กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง และเสี่ยง “กระเพาะปัสสาวะบีบตัวไวเกิน” (Overactive Bladder หรือ OAB)
ถ้าติดนิสัยนี้ไปแล้ว จะเลิกได้ไหม?
คำตอบคือ “เลิกได้” ดร.อาเลน มาร์คลันด์ (Dr. Alayne Markland) หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ มหาวิทยาลัยยูทาห์ บอกว่า “สมองของเราควบคุมกระเพาะปัสสาวะได้มากกว่าที่คิด หลายคนแค่ต้องฝึกใหม่”
ส่วน ดร.แคธริน แนะนำว่า หากรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำบ่อยเกิน ให้ลองฝึกการ หายใจลึกๆ หันเหความสนใจ หรือใช้เทคนิคพูดกับตัวเองว่า “ฉันอั้นได้” เพราะงานวิจัย พบว่า การเจริญสติมีส่วนช่วยลดความรู้สึกปวดปัสสาวะทันทีได้
แนวทางฟื้นฟูกระเพาะปัสสาวะให้กลับมาปกติ
- การทำกายภาพกับนักบำบัดกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน: ดร.ซิโอบาน ซัตคลิฟฟ์ (Dr. Siobhan Sutcliffe) นักระบาดวิทยา มหาวิทยาลัยวอชิงตัน แนะนำให้ทำกายภาพเพื่อเสริมกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมการปัสสาวะ เช่น ฝึกกลั้นหายใจเบาๆ ขณะขมิบกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานซ้ำๆ จะช่วยให้รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำลดลง
- เลี่ยงเครื่องดื่มที่กระตุ้น: คาเฟอีน แอลกอฮอล์ เครื่องดื่มรสเปรี้ยว หรือ สารให้ความหวานบางชนิด อาจทำให้กระเพาะปัสสาวะทำงานไวเกิน และเกิดปัสสาวะเล็ดได้
- ตรวจสุขภาพ: เบาหวาน ภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ และโรคอื่นๆ อาจทำให้ปัสสาวะบ่อยโดยไม่เกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะโดยตรง การพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุจึงเป็นเรื่องสำคัญ
อย่าลืมว่า กระเพาะปัสสาวะของเรามีศักยภาพในการฟื้นตัว
ดร.อาเรียน่า ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า แม้จะเผลอมีนิสัย ฉี่ทั้งที่ไม่ปวด มานาน แต่ส่วนใหญ่ สามารถฟื้นฟูได้
“กระเพาะปัสสาวะมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และสามารถกลับมาทำงานดีอีกครั้งได้”
แต่การกลั้นปัสสาวะ ก็อันตรายไม่แพ้กัน
การกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ อาจนำไปสู่โรคร้าย อย่าง “กระเพาะปัสสาวะอักเสบ” จากการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะในกลุ่ม “พนักงานออฟฟิศ” ที่นั่งทำงานนานๆ แล้วไม่อยากลุกไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการ อย่าง “ปัสสาวะเป็นเลือด” โดยไม่รู้ตัว
ศ. นพ.วชิร คชการ สาขาวิชาศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลว่า โดยปกติ ผู้ที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี จะปัสสาวะวันละ 3 - 5 ครั้ง ในช่วงตอนกลางวัน และ 1 - 2 ครั้ง ในตอนกลางคืน
อย่าลืมว่า การปวดปัสสาวะ คือสัญญาณที่ร่างกายส่งมา อย่าฝืน หรือเมินเฉย เพราะทั้งการ “ฉี่ก่อนปวด” และ “กลั้นฉี่ตอนปวด” ต่างก็ทำร้ายสุขภาพได้ทั้งคู่
ทางที่ดีคือ ฟังเสียงของร่างกายตัวเอง เช่น
- เข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกปวดจริง ๆ
- หลีกเลี่ยงการฝืนปัสสาวะ หรือ การเบ่ง
- หากมีอาการปัสสาวะบ่อย หรืออั้นไม่ได้เลย ควรพบแพทย์ หรือนักกายภาพบำบัดเฉพาะทาง
- เลิกนิสัย "เข้าห้องน้ำเผื่อปวด” เพื่อสุขภาพกระเพาะปัสสาวะที่ดีในระยะยาว
อ้างอิง nytimes , thephysiospot , aeroflowurology , rama.mahidol , rama.mahidol
ที่มาเนื้อหาจาก.. https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1185170