ห้องเม่าปีกเหล็ก

คาดการณ์์ อนาคตสหรัฐอเมริกา จีน และไทย

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
59 views

1) สหรัฐอเมริกาน่าจะชนะจีนในสงครามการเงินโลก และ สงครามการค้าโลก  และ จะเห็นผลชัดเจนในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2564 โดยใน สงครามการค้าโลก สหรัฐอเมริกาน่าจะสามารถลดการนําเข้าสินค้าจากจีนจากจํานวน 505,600 ล้าน USD ในปี พ.ศ 2560 ให้เหลือเพียง 150,000 ล้าน USD ในปี พ.ศ 2563 ส่วนใน สงครามการเงินโลก  Fed Fund Rate น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 4.25% ในปี พ.ศ 2564 จากปัจจุบันในปีนี้คือปี พ.ศ 2561อยู่ที่ 2.00% และ สหรัฐอเมริกาน่าจะยังคงความเป็นมหาอํานาจอันดับ 1 ของโลกต่อไป โดยมี นวัตกรรม ( Innovation ) เป็นจุดเด่นของประชาชนชาวอเมริกันและประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนมหาอํานาจอันดับ 2 ของโลก ก็ยังคงเป็นประเทศจีน และ จีนก็ยังคงเน้นการลอกเลียนแบบนวัตกรรม ( Innovation ) จากสหรัฐอเมริกาเหมือนเดิม

2) สงครามที่ใช้อาวุธจริงระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะผู้คนทั่วโลกหวาดกลัวผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่มีผู้คนล้มตาย 16 ล้าน คน และ สงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มีผู้คนล้มตาย 55 ล้าน คน

3) ราคานํ้ามัน ก๊าซธรรมชาติ และ ถ่านหิน ไม่น่าจะปรับตัวและเคลื่อนไหวแบบหวือหวาและโดดเด่น เพราะ มีการปรับสมดุลย์ของราคาพลังงานจากพลังงานทดแทน ( Renewable Energy ) และ Oil Shale Oii Gas ในประเทศสหรัฐอเมริกา

4) ราคาทองคําไม่น่าจะปรับตัวเป็นขาขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากดอลลาร์มีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง และ ไม่น่าจะเกิดสงครามที่ใช้อาวุธจริงระหว่างสหรัฐอเมริกา และ จีน

5) ประธานาธิบดี Donald Trump น่าจะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัยหนึ่ง เพราะ ประสบความสําเร็จในการดําเนินนโยบาย " America Great Again

6) นายกประยุทธ์ฯ น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยต่อไปอีกสมัยหนึ่งหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในช่วงต้นปี พ.ศ 2562 จนกระทั่งถึงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2564

7) ตลาดหุ้นดาวโจนส์จะอยู่ในสภาวะตลาดกระทิงไปจนถึงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2564 เมื่อ Fed Fund Rate ปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 4.25% และ ตลาดหุ้นดาวโจนส์น่าจะปรับตัวขึ้นไปถึง 50,000 จุด ได้

8) ตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในสภาวะกระทิงไปจนถึงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2564 เพราะ การเมืองไทยมีความมั่นคง และ ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 5.000 จุด ด้

9) หุ้นวัฏจักรกลุ่มรับเหมาก่อสร้างจะให้ผลตอบแทนมากกว่าหุ้นบลูชิพตั้งแต่ครึ่งแรกของปี พ.ศ 2561ไปจนถึงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2564 เพราะ การเมืองไทยมีความมั่นคงและรัฐบาลไทยน่าจะผลักดันนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท ได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนหุ้นบลูชิพให้ผลตอบแทนน้อยกว่าหุ้นวัฏจักรกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพราะ สงครามการเงินโลก และ สงครามการค้าโลก

10) ฟองสบู่โลกแตกในปี พ.ศ 2564 เมื่อหนี้สินโลกเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 247 ล้านล้าน USD เป็น 500 ล้านล้าน USD และ Fed Fund Rate ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 2.00% เป็น 4.25% และ ในที่สุดตลาดหุ้นดาวโจนส์ก็จะปรับตัวลงมาจาก 50,000 จุด เหลือเพียง 20,000 จุด ส่วนตลาดหุ้นไทยก็จะปรับตัวลงมาจาก 5,000 จุด เหลือเพียง 1,500 จุด ส่วน Fed Fund Rate ก็จะปรับตัวลงมาจาก 4.25% เหลือ 0.25% และ ฟองสบู่โลกแตกครั้งนี้น่าจะเป็นการแตกครั้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก เนื่องจากมีจํานวนหนี้สินที่เข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจํานวนมากมายมหาศาลเป็นประวัติการณ์

11) ตั้งแต่ครึ่งหลังของปี พ.ศ 2564 เป็นต้นไป การเมืองไทยจะเกิดความขัดแย้งและวุ่นวายชึ้นมาอีก เป็นวงจรอุบาทว์ ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้นต่อไป ชั่วกัลปาวสาน  

12) ประเทศสหรัฐอเมริกากําลังทําการวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคตอย่างเข้มข้น ซึ่งอุตสาหกรรมในอนาคตได้แก่ Artificial Intelligence ( AI ), Drone , Hyperloop, SpaceX, Renewable Energy และ Electric Vehecle และ Cryptocurrency เพื่อจะมาทดแทนอุตสาหกรรม Internet, Social Media และ Commnerce ที่ยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน ( Apple, Amazon, Google, Microsoft และ Facebook ) และ ผู้โพสต์คาดว่า Renewable Energy และ Electric Vehecle จะยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีก 10 ปีข้างหน้า ( ซึ่งจะทําให้อุตสาหกรรมนํ้ามัน ก๊าซธรรมชาติ และ ถ่านหินสูญพันธ์ไปจากโลกนี้ตามทฤษฎีของ Joseph Schumpeter ) และ Cryptocurrency จะยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอีก 20 ปีข้างหน้า ( ซึ่งจะทําให้อุตสาหกรรมธนาคารพาณิชย์สูญพันธ์ไปจากโลกนี้ตามทฤษฎีของ Joseph Schumpeter  ) 

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ดังกล่าวข้างต้นเป็นการคาดการณ์ส่วนตัวของผู้โพสต์เอง และ ไม่สามารถรับประกันความถูกต้องได้

หมายเหตุ : โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง และ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ได้ใน longtunbysak.blogspot.com


ศักดิ์