ตั้งกราฟให้เหมาะ ... แล้วจะแม่น
ในการใช้กราฟเพื่อวิเคราะห์สัญญาณทางเทคนิคนั้น มีทั้งกราฟมากกมายให้เลือกใช้ มีทั้งวิชาความรู้ทางเทคนิคที่จะนำมาใช้ในการพิจารณาตัดสินใจอีกไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ Candlestick Pattern, การดู Price Pattern, การตี Trend Line , กาใช้ Indicator ต่างๆหรือเทคนิคชั้นสูงอย่าง Fibonacci หรือ Elliott Wave ก็ล้วนต้องใช้กราฟในการพิจารณาทั้งสิ้น
การจัดหน้าตากราฟที่ดีและเหมาะสมในการใช้งาน จะช่วยเพิ่มในความแม่นยำในการดูและสะดวกในการใช้งานมากขึ้น ถ้ากราฟ Set Up ไม่ดี ไม่เหมาะสม ก็จะกลายเป็นอุปสรรคและสร้างความสับสนในการตัดสินใจได้
หน้าตากราฟในการใช้งานมีดังนี้
1. กราฟอย่ารก มีนนักลงทุนทางเทคนิค มือใหม่จำนวนมากที่เอา Indicator มากมายมายัดใส่เข้าไปในกราฟจนมันรกไปหมดสุดท้าย Indicator ก็ลยตีกันทางทีดีพยายามใส่Indicator เข้าไปเท่าที่จำเป็นดีกว่า ผมแนะนำว่าไม่ควรใส่ Indicator เกิน 4 อย่าง เพราะถ้ามากกว่านั้ก็จะรกมาก สร้างความสับสนจนอาจตัดสินใจผิดในเวลาที่สำคัญ เพราะมือใหม่ยังให้น้ำหนักกับ Indicator ไม่เป็น
2. ไม่ใช้ซ้ำประเภท Indicator แต่ละอย่างมีหน้าที่ในการแสดงผลและสัญญาณที่แตกต่างกัน แต่เอาเข้าจริงก็พอจะจัดกลุ่มประเภทของ Indicator ได้ เราจึงไม่ควรใส่ Indicator ที่ทำหน้าที่ในกลุ่มเดียวกันเข้าไป เพราะมันซ้ำซ้อนและจะสร้างความสับสนเปล่าๆ
ผมขอจัดกลุ่มของ Indicator ตามความคิดของตนเองก็แล้วกันนะ
- Overlay พวกนี้จะเป็น Indicator ที่วิ่งทับไปกับ Candlestick เช่น Moving Average (EMA),Bollinger Band,Parabolic เป็นต้น ถ้าจะมีก็ควรใส่อย่างเดียวพอ ถ้าจใส่ EMA แล้วก็อย่าไปใส่ Bollinger เข้าไป พอมันทับกันแล้วจะสับสนถ้าอยากดูทั้งสองอย่างให้แยกเป็น 2 windown จะดีกว่า
-Volume กลุ่มนี้จะแสดงปริมาณการซื้อขาย เช่น VOlume, On Balance Volume (OBV), Money Flow Index หรือ VAD เป็นกลุ่มที่ควรมีโดยเฉพาะVolume เพราะเป็นการซ้อนกำลังและสภาวะตลาดโดยตรง
- Momentum กลุ่มนี้เป็น Indicator ใช้แสดง "กำลัง" หรือ "แรงเหวี่ยง" ของราคาหุ้น เช่น MACD , Momentum,Bull-Bear Power, CCI,RSI เป็นต้น (กลุ่มนี้ผมชอบใช้ MACD มากที่สุด )
-Oscillator กลุ่มนี้เป็น Indicator ที่ใช้การแกว่งเป็นรอบๆช่วยดู Cycle ของราคา สังเกตว่าจะเป็น Indicator ที่มีการวิ่งจากค่า 0% ไป 100% เช่น RSI, Slow Stochastic เป็นต้น ถ้ารอบสูงไปมากแล้ว โอกาสเข้าแล้วได้กำไรเป็นกอบเป็นกำก็อาจจะน้อย บางครั้งอาจจต้องตัดใจเพื่อรอรอบใหม่
3. ตั้งแกนกราฟให้ดี กราฟจะมีแกน Xเป็นวลา และมีแกน Y เป็นราคา ดังนั้นในการตั้งกราฟที่เหมาะสม แท่งราคาในแกน X ควรจะวิ่งติดต่อกันไป โดยไม่มีช่องว่างของวันหยุดทำการ หรือช่วงที่สั่งหยุดพักการซื้อขาย ถ้าพบว่าราฟของแท่งราคาในแกน X มีกรเว้นช่องว่าง ก็ควรจัดการตั้งค่ากราฟ ใหม่ดังตัวอย่างในภาพ จะเห็นได้ว่ากราฟมีการตั้งค่ามาผิด ควรจะตั้งให้ช่องว่างของวันหยุดในแกน X เหล่านี้หาย
ส่วนแกน Y ที่เป็นด้านของราคาควรตั้งค่าให้เป็น Log Scale หรือบางโปรแกรมใช้คำว่า Semi-Log Scale ในการวิ่งขึ้นของราคาของหุ้น หากเป็นช่วงราคาที่ใกล้เคียงกันการใช้แกน Y เป็น Linear Scale คือ Scale แบบปกติของกราฟที่มีแกน Y มีค่าที่เพิ่มขึ้นช่องละเท่าๆกันจากจุดศูนย์ขึ้นไป ส่วน Log Scale ค่าบนแกน Y จะเพิ่มขึ้นไม่เท่ากันระยะห่างของค่าบนแกน Y ที่มากขึ้นช่องราคาจะมีระยะห่างแคบลง เรื่อยๆ
งงละสิ ไปดูรูปน่าจะเข้าใจมากขึ้น
จากภาพจะเห็นว่า จาก 0 ไปถึง 100 ใน Linear Scale จะเห็นว่าระยะห่างของ1 กับ 2 จะกว้างมากแล้วแคบลงเรื่อยๆเมื่อค่าเพิ่ม
คำถามก็คือทำไมแกน Y ของกราฟหุ้นต้งเป็น Log Scale?
คำตอบก็เพราะว่าระยะห่างของ Bid-offer แต่ละช่องในแต่ละช่วงราคามันไม่เท่ากัน
4. จำนวนแท่งที่เหมาะสม ภาพกราฟที่จะใช้ในการพิจารณาสัญญาณทางเทคนิคได้ดี ต้องสามารถเห็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของแท่งราคาและ Indicator ย้อนหลังเป็นระยะเวลาพอสมควรถ้าจำนวนแท่งหรือระยะเวลาที่แสดงกราฟน้อยเกินไป อาจจะไม่เห็นรอบการขึ้น-ลงของราคาในอดีต แต่ถ้าจำนวนแท่งหรือระยะเวลาที่แสดงกราฟมากเกินไป ก็จะเห็นแท่งราาคาเล็กเกินไป
เพราะฉะนั้นขนาดของหน้าจอคอมพิวเตอร์เต็มจอ ผมแนะนำว่ากราฟควรจมีแท่ง ประมาณ 130-150 แท่ง เพื่อที่จะสามารถดูรูปแบบราคาในอดีตได้ครอบคลุ่ม
ถ้าเป็น Day Chart แนะนำจำนวน 130-150 แท่ง จะเป็นระยะเวลาประมาณ 26-30 สัปดาห์หรือ 2 Quarter นั่นเอง ซึ่งจะเป็นราคาของหุ้นที่สะท้อนผลประกอบการในครึ่งปีที่ผ่านมา
ส่วนใน 60 min Chat หากคิดจากใน 1 วันทำการมีเวลาทำการ 5.5-6.5 ชั่วโมงจำนวน 130-150 แท่ง จะเป็นราคาของหุ้นที่สะท้อนผลประกอบการเป็นระยะเวลาปะมาณ 1เดือนนั้นเองซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วสำหรับนักลงทุนระยะสั้น ในการดูแนวโน้มของราคา
ใน Week Chart จำนวน 130-150 แท่งจะเป็นการสะท้อนผลประกอบการและราคาของหุ้นเป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปีครึ่ง ถึง 3 ปี ซึ่งจะได้เห็นรอบการเกิดสัญญาณซื้อขายเต็มๆกันเลย นอกจากั้นยังสามารถเห็นลักษณะการเก็บของก่อนที่จะจ่ายปันผลในหุ้นที่มีปันผลดีๆ ด้วยว่าเกิดขึ้นในช่วงไหน
5. Time Frame ที่เหมาะสม ควรตั้งกราฟให้ใช้ Time Frame ที่เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนหรือระบบลงทุนของเราที่จะใช้สัญญาณในการตัดสินใจซื้อหรือขาย ก็ใช้สัญญาณใน Time Frame ยกตัวอย่างเช่น
ถ้าคุณเป็น Day Trade ก็ไม่ควรจะเสีเวลาดู Week Chart ดู 30 นาที กับ 5 นาที ไปเลย
แต่ถ้าคุณลงทุนระยะกลาง เล่นเป็นรอบๆ ก็ควรจะใช้ Day Chart ว่าลงแล้วเลยคิดไปได้ว่า มันก็ลงเพื่อขึ้นสินะ
โอ้ว! ฉลาดมาก มันทำให้คุณตัดสินใจถือหุ้นต่อไปถึงแม้หุ้นจะลงแต่สิ่งที่จะตามมาจากการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแบบนี้ อย่างแรกคุณจะสับสน เพราะสัญญาณการตัดสินใจมันสวนทางกัน อย่างที่สอง คุณอาจจะเจอหุ้นลงต่ำกว่าทุนที่ซื้อหรือต้องถือหุ้นไปอีก 4-5 เดือนเพราะสัญญาณใน Week Chart มันช้ากว่าใน Day Chart ตั้ง 5 เท่าตัว( ก็ในสัปดาห์มีตั้ง5วันทำการ)
ที่เห็นว่าหุ้นมันจะขึ้นอีกใน Week Chart กลายเป็นว่าเจอหุ้นแกว่งออกข้างไปก่อน 5 เดือนแล้วค่อยวิ่งขึ้น งานเข้าสิ เครียดสิ เพราะนิสัยคนเล่นรอบสั้น จะไม่ชอบถือหุ้นนาน มันอึดอัดมันอยากขาย ถือมาตั้งนาน ไม่วิ่งซะที พอขาย มันขึ้น เคยเจอกันละสิ?
6. ดูกราฟมากกว่า 1 Time Frame อย่างที่บอกแล้วว่าเราควรจะใช้ Time Frame ที่เหมาะกับสไตลการลงทุนของเราหรือระบบการลงทุนนของเราแต่ในการดูภาพกราฟเพื่อพิจารณาการตัดสินใจไม่ควรดู Time Frame เดียว
อ้าว ! งงยังไง ก็คือ พอเราเลือกที่จะใช้ Time Frame ให้เหมาะกับสไตล์ของเราได้แล้ว เวลาที่จะใช้สัญญาณในการตัดสินใจซื้อหรือขายก็ใช้สัญยาณใน Time Frame นั้น แต่เราควรพิจารณาภาพใหญ่ขึ้นมาอีกหนึ่งระดับด้วย เพื่อดูว่า ณ เวลานี้ภาพใหญ่เป็นอย่างไรบ้างแล้ว
เช่น ถ้าเราดู Day Chart ในการตัดสินใจ ภาพใหญ่ของเราก็จะเป็น Week Chart แต่ในการตัดสินใจซื้อหรือขาย จะยังใช้สัญญาณใน Day Chart เป็นตัวตัดสินใจ
กราฟจะเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ ก็เหมือนเข็มทิศแผนที่ หรือ GPS นำทาง ถ้าใช้กราฟที่ไม่ดี ให้สัญญาณที่สับสน หรือ ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ก็จะพาให้เราตัดสินใจผิด หลงเข้าป่า หรือพาตัวเองไปติดกับดักได้
ศึกษากราฟหารูปแบบของตนเองให้เจอนะครับที่บอกไว้ตรงนี้เป็นเพียงข้อสังเกตุและสิ่งที่ได้พบมาจากการใช้งานจริงๆ ก็เท่านั้น รูปแบบการใช้กราฟไม่มีผิดไม่มีถูก ถ้าใช้แบบไหนแล้วใช่สำหรับเรา ใช้แล้วทำกำไรได้ ก็ใช้มันต่อไป ถ้ามันยังไม่ใช่ก็ค้นหาพัฒนารูปแบบของตนเองขึ้นมาก็เท่านั้น
พาหนะในการเดินทางมีตั้งมากมาย จะใช้แบบไหนก็เชิญ ใครจะปั่นจักรยานก็ได้ ใครจะขับรถสปอร์ต หรือ 4WD ก็ตามสะดวกหรือ ชอบนั่งแท็กซี่มีคนขับไปส่งถึงที่ก็ได้เพราะสุดท้ายถึงที่หมายได้เหมือนกัน แต่ประสบการณ์และต้นทุนนั้นต่างกันแน่นอน
เพราะฉะนั้น Keep Moving Forward and Find Out Your Way!
#Wave Riders
#Wave Rider โต้คลื่นหุ้นรู้ทันเทคนิค
:: ================== ::
:: Basic สอนมือใหม่ #2 ใช้ Price Patterns ::
:: ================== ::
หลักสูตรสำหรับผู้ที่เพื่งเริ่มลงทุนหุ้น หรือเป็นสายเทรดมือใหม่
ที่ใช้การดู "กราฟ" เพื่อหาจุดซื้อ-ขาย
:+: Price Patterns :+:
เทคนิคพื้นฐานที่เหล่าเทรดเดอร์มืออาชีพเลือกใช้
ถ้าคุณดูกราฟในการเข้าซื้อหุ้นเพื่อทำกำไรแล้วนั่น
เรื่องที่ควรรู้ และพลาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ Price Patterns
Price Patterns คืออะไร?
Technical Analysis เกิดจากการเก็บข้อมูลสถิติ การซื้อ ขาย และ Volume ในอดีต สร้างเป็นกราฟราคาขึ้นมา เพื่อใช้ในการ "ประเมินแนวโน้มทิศทาง" และ "ความผันผวนของราคาหุ้น"
เมื่อศึกษาจะพบว่า..พฤติกรรมการซื้อขายในตลาด มักจะเกิดในลักษณะใกล้เคียงเดิมซ้ำๆ จึงเกิดเป็นทฤษฎีที่เรียกว่า "Chart Pattern" หรือ "Price Pattern" ขึ้น
:: ================== ::
เมื่อคุณได้เรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมของราคา
และ ลักษณะของปริมาณการซื้อขาย ในแต่ละ "รูปแบบ" แล้ว
"Price Pattern" จะช่วยให้คุณตัดสินใจในการหาจุดเข้าซื้อ-ขาย
และวาง stop loss ได้ง่าย และแม่นยำขึ้นหลายเท่าเลยครับ
นอกจากนี้ ถ้าคุณได้ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
คุณจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเทรด
ใน Product อื่นๆ อีกมากมาย เช่น DW TFEX Forex ทองคำ เป็นต้น
ถ้าคุณอยากเทรดให้เก่งขึ้น และแม่นยำมากขึ้น
แนะนำให้เรียนหลักสูตรนี้เลยครับ
:: ================== ::
สอนโดย อ.ปุย ประกาศิต ทิตาราม Wave Riders
นักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคอล
ผู้มีประสบการณ์ในตลาดหุ้นมากกว่า 15 ปี
เจ้าของเพจ My Wave Riders วิทยากรผู้ให้ความรู้
ที่เปลี่ยนชีวิตการลงทุนของลูกศิษย์
ในการเทรดหุ้นไปมากมายหลายรุ่น
:: ================== ::
:: เรียนสดออนไลน์ ผ่านโปรแกรม Zoom ::
ในวันศุกร์ - เสาร์ที่ 2-3 เม.ย. 64
** วันศุกร์ที่ 2 เม.ย. 64 เวลา 19.00 - 21.00 น.
** วันเสาร์ที่ 3 เม.ย. 64 เวลา 13.30 - 17.30 น.
:: ================== ::
โดยปกติหลักสูตรนี้ ราคาอยู่ที่ 3,590.-
ครั้งนี้ stock2morrow และ อ.ปุย Wave Riders ออกแบบเนื้อหา และ รูปแบบการเรียน
ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากที่สุด
*** ในราคา 2,990 บาท เท่านั้น !!
ท่านใดสนใจสมัครด่วน !!
สนใจสมัครเรียน คลิกเลย >> https://bit.ly/2NLLChB
( ราคาพิเศษ Early Bird 2,990 บาท ถึงวันที่ 20 มี.ค. นี้ เท่านั้น )
** เทคนิคที่ได้เรียนนี้จะเป็นความรู้ที่ทำให้คุณเทรดลงทุนได้ดีขึ้น และมองกราฟได้เฉียบคมยิ่งขึ้น
ถ้าคุณอยากเรียนรู้วิชา Price Pattren ในการเทรดทำกำไร หลักสูตรนี้ ห้ามพลาดครับ..สมัครเรียนเลย!!
:: ================== ::
:: ================== ::
โดยปกติหลักสูตรนี้ ราคาอยู่ที่ 10,170.-
ครั้งนี้ stock2morrow และ อ.ปุย Wave Riders ออกแบบเนื้อหา และ รูปแบบการเรียน
ให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากที่สุด
*** ในราคา 8,490 บาท เท่านั้น !!
ท่านใดสนใจสมัครด่วน !!
สนใจสมัครเรียน คลิกเลย >> https://bit.ly/2ZophZU
( ราคา พิเศษ 8,490 บาท ถึงวันที่ 20 มี.ค. นี้ เท่านั้น )
:: ================== ::
:: สอบถามเพิ่มเติม ::
พบปัญหาการสมัครเรียนหรือการชำระเงิน สามารถติดต่อทีมงานได้ที่..
Facebook : stock2morrow โทร. 090-9802196