ที่มา Wattana Stock Page
DTAC - โอกาส หรือ ความเสี่ยง?
23 พ.ย. 2560 / 13.11 น.
เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด สำหรับค่ายมือถืออันดับ 3 ของเมืองไทย ที่ก่อนหน้านี้คนมองว่า อะไรๆน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะเรื่องคลื่นที่จะประมูลปีหน้านั้น จะช้าหรือเป็นไปตามกำหนดเวลา แต่อย่างน้อย ก็มีคลื่น 2300 ที่เป็นผู้ชนะในการทำสัญญาร่วมกับ TOT
แต่ปรากฏว่า เมื่อวานนี้ (22 พ.ย.) กสทช. บอกว่าข้อสัญญาระหว่าง DTAC และ TOT นั้นยังมีข้อสงสัยหลายเรื่อง และขอให้ทาง TOT เข้าพบ กสทช เพื่อชี้แจงรายละเอียดพร้อมเอกสารต่างๆในประเด็นที่เป็นข้อสงสัย ในวันจันทร์ที่ 27 พ.ย. นี้ หลังจากนั้นจะสรุปผลการพิจารณาเข้าบอร์ด กสทช ต่อไปในวันที่ 6 ธ.ค.
นอกจากด่าน กสทช แล้ว สัญญานี้ยังต้องมีการอนุมัติจากฝ่ายอื่นด้วย เช่น อัยการสูงสุด นั่นเพราะ TOT เป็นรัฐวิสาหกิจ ก็ต้องให้อัยการสูงสุดซึ่งเปรียบเสมือนฝ่ายกฎหมายของรัฐพิจารณาด้วย
เป็นอันว่า เกิดความเสี่ยงขึ้นว่า คลื่น 2300 จะสามารถเริ่มให้บริการได้เมื่อไหร่?
นักวิเคราะห์ไม่มีใครออกมาแนะนำให้ "ขาย" แต่ล้วนแนะนำให้ "ถือ" หรือไม่ก็ "หาโอกาสซื้อ" เพราะมองว่า ราคาเหมาะสมของ DTAC ควรจะสูงกว่านี้!!!
ก็เข้าใจนักวิเคราะห์นะครับ เพราะนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองว่า ยังไงก็ตามคลื่น 2300 ก็คงต้องได้เซ็นสัญญาและให้บริการแน่ๆ ส่วนการประมูลคลื่นปีหน้า ยังไง DTAC ก็ต้องเอาคลื่น 1800 กลับมา 1 Slot ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของ DTAC กลับมา
ประเด็นนี้ อยากให้ลองย้อนถามก่อนที่จะตัดสินใจว่า การปรับตัวลงมานั้น เป็น "โอกาสในการเข้าซื้อ" ก็จริง แต่ก็ควรจะต้องพิจารณา "ความเสี่ยง" ควบคู่ไปด้วย
หรือถ้าซื้อไปแล้ว จะต้องถือไปอีกนานขนาดไหน จึงจะกลับไปยังราคาที่นักวิเคราะห์ได้ให้ไว้
ในขณะที่เมื่อวานนี้วันเดียว (22 พ.ย.) หุ้น DTAC ถูกชอร์ตออกมาถึง 4.7 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็น 25% ของการซื้อขายรวมเลยทีเดียว
เรามาดูตัวอย่าง ADVANC กันก็ได้ ราคาเหมาะสมแต่ละโบรกทำเอาไว้เกิน 200 บาทกันทั้งนั้น และสมมติฐานที่นักวิเคราาะห์ทำไว้นั้น ก็ทำในกรณีที่กลางๆมากแล้ว นั่นคือ ADVANC จะได้คลื่น 1800 มา 1 slot ในราคาที่ใกล้เคียงกับราคาเริ่มต้น (เพราะนักวิเคราะห์มองว่า ราคาสูง คงไม่มีการแข่งขันเหมือนครั้งที่ผ่านมา)
หาก ADVANC ตัดใจ ไม่เอาคลื่นใดๆเลยในการประมูลปีหน้า บริษัทก็ยังมีศักยภาพเพียงพอในการให้บริการ เพราะคลื่นที่มีในมือนั้นก็เยอะมากต่อการบริการแล้ว
หากการประมูลต้องเลื่อนออกไป ADVANC ก็จะไม่ประสบปัญหาใดๆ ดีเสียอีก เพราะ DTAC จะอยู่ในสภาวะที่แย่กว่า เพราะไม่สามารถลดต้นทุนคลื่น 1800 ให้มาจ่ายในรูปของใบอนุญาตได้ แต่ ADVANC ไม่กระทบอะไรเลย
แต่เป็นอย่างไรล่ะ ราคาหุ้น ADVANC ปรับตัวลงจากระดับเฉียด 200 บาท จนเหลือ 176 บาท ในวันนี้ เรียกได้ว่า สวนทางกับสิ่งที่นักวิเคราะห์มองไว้กันทั้งหมด
เพราะตลาดมันมีอะไรมากกว่าแค่ "พื้นฐาน" มันมีเรื่องของ "อารมณ์" และมีการประเมินบางอย่างที่ไม่สามารถชี้วัดได้ด้วยตัวเลขเพียงอย่างเดียว
คนอาจกังวลว่า ถ้า TRUE เดินเกม หาเงินมาเข้าดันราคาประมูลสกัด DTAC อาจทำให้ราคาใบอนุญาตสูงขึ้น ซึ่ง ADVANC ก็จำเป็นต้องสู้ เพราะหากไม่สู้แล้ว TRUE ได้คลื่นไป คลื่นในมือของ TRUE จะมากกว่า ADVANC
ตลาดให้พรีเมี่ยมกับการเป็น เบอร์ 1 ของ ADVANC และสถานการณ์ใดๆก็ตามที่มีโอกาสที่จะทำให้ความเป็นผู้นำในทุกๆด้านของ ADVANC สูญเสียไป คนก็พร้อมจะขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงออกมา
ก็เหมือน DTAC ในวันนี้ ความเสี่ยงยังมีมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น
1. คลื่น 2300 จะเซ็นกันทันสิ้นปีนี้หรือไม่ ถ้าต้องล่าช้าไปถึงปีหน้า จะเมื่อไหร่ จะทันการประมูลคลื่น 1800 หรือไม่ เพราะถ้าไม่ทัน และ DTAC เกิดไม่ได้คลื่น ก็แทบจะยับเยินกันเลยทีเดียว เพราะ DTAC จะเหลือเพียงคลื่น 2100 ให้บริการ ซึ่งแน่นอนว่า ไม่เพียงพอ แม้จะเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่รับรองว่า ลูกค้าหายแน่นอน
2. การประมูลคลื่น 1800 ในปีหน้า จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่?? หาก กสทช ชุดใหม่เบรกการประมูลไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด จะทำให้คลื่น 1800 850 ในมือ DTAC ต้องเข้าสู่ช่วงการเยียวยา และในช่วงการเยียวยานี้ DTAC จะต้องจ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามระบบสัมปทานเดิม ซึ่งแพงกว่าการย้ายมาอยู่บนระบบในอนุญาต การได้คลื่นมาช้าเกินไป จะทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของ DTAC เป็นเช่นไร เพราะต้นทุนแพงกว่าคนอื่น ในขณะที่การลงทุนก็ยังไม่สามารถเริ่มต้นได้
3. หากมีการประมูลขึ้นจริง แล้วทั้ง ADVANC และ TRUE เล่นเกมเพื่อไม่ให้ DTAC ได้คลื่นใดๆมาเลย เรียกว่า ยอมเจ็บตัวเพื่อฆ่าคู่แข่ง ทำให้ DTAC จะมีเพียงคลื่น 2100 และ 2300 (ถ้าหากเซ็นสัญญาได้ทัน) สถานการณ์ของ DTAC จะเป็นเช่นไร
โอกาสที่ราคาจะกลับไปเป็นตามที่นักวิเคราะห์คาดไว้ตอนนี้ มีอยู่ทางเดียว ก็คือ DTAC ต้องเซ็นสัญญาคลื่น 2300 และให้บริการได้ช้าที่สุดก็ไตรมาส 1 ปี 2561 และ DTAC จะต้องได้คลื่น 1800 กลับมา 1 slot ที่ราคาไม่แพงกว่าราคาเริ่มต้น
สถานการณ์จะดีกว่านี้มากขึ้น หาก กสทช ชุดใหม่เกิดใจดี ลดราคาตั้งต้นของการประมูลให้ หรือยกเลิกเกณฑ์ N-1
ทีนี้เราก็ต้องมาชั่งน้ำหนักกันดูว่า ราคาเหมาะสมที่นักวิเคราะห์ให้คือราว 50 - 60 บาทนั้น มันมีโอกาสที่จะออกมาเป็นแบบนั้นมากขนาดไหน
มีความเสี่ยงที่จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นมากหรือไม่ แล้วเรารับความเสี่ยงนี้ได้หรือไม่
หรือถ้าซื้อตอนนี้ จะต้องถือไปอีกนานเท่าไหร่ ถึงจะขึ้นไปที่ราคานั้น ไปเล่นหุ้นตัวอื่นก่อนดีกว่าไหม??
มันไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องเข้าซื้อหุ้นในช่วงเวลาที่มีแต่ความไม่แน่นอนเช่นนี้ โดยเฉพาะ DTAC อยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ที่สุดใน 3 ค่ายผู้ให้บริการ และถูกบีบจาก "ความต้องการคลื่น" อะไรก็ได้
แน่นอนว่า คู่แข่งเองก็รู้ตรงนี้ และ กสทช เองก็รู้ตรงนี้ ผมจึงเชื่อว่ามันเป็นที่มาว่า ทำไม กสทช ถึงตั้งราคาประมูลไว้สูง ทั้งๆที่ กสทช เองก็รู้ว่า ราคานี้มันสูงเกินไปจริงๆนะ เพราะนอกจากจะสามารถป้องกันตัวเองและสามารถอธิบายในแง่ที่ว่า ไม่ทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ แต่อีกมุมหนึ่ง กสทช ก็รู้ว่า ต่อให้ขายแพง ก็มีคน "ต้องเอา"
ความคลุมเครือ ความไม่ชัดเจนในผลลัพธ์ เป็นอะไรที่นักลงทุนกลัวมาก โดยเฉพาะกับกลุ่มสื่อสารในเรื่องการประมูล เพราะมันเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมาก่อนหน้านี้แล้วว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้
ที่บอกไม่เอาคลื่น ไม่จำเป็น ท้ายที่สุด ก็เคาะกระหน่ำแบบไม่แคร์เงินในกระเป๋า ที่บอกต้องการ ต้องการ ท้ายที่สุด เคาะไป 2 ครั้งก็หยุด
นี่คงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมหุ้นสื่อสารทั้ง ADVANC TRUE DTAC มันถึงได้ "ลงทุกตัว" ทึั้งๆที่ นักวิเคราะห์เชียร์ "ซื้อ" กันทุกตัวเหมือนกัน