ห้องเม่าปีกเหล็ก

BEAUTY - อย่าดีใจเพียงเพราะมติซื้อหุ้นคืน

โดย คนเล่นหุ้น
เผยแพร่ :
55 views

BEAUTY - อย่าดีใจเพียงเพราะมติซื้อหุ้นคืน
9 กรกฎาคม 2561 / 14.13 น.

โดย Wattana Stock Page

BEAUTY มีมติซื้อหุ้นคืนวงเงิน 950 ล้านบาท หรือไม่เกิน 64 ล้านหุ้น ถ้าคิดเป็นตัวเลขราคาก็คือ 14.8 บาท

เห็นข่าวแค่นี้ หลายคนอาจรีบเคาะซื้อทันที เพราะคิดว่าเดี๋ยวราคาจะต้องไลขึ้นไปถึงตรงนั้น แต่มีเรื่องที่จะต้องอธิบายกันก่อนว่า

การกำหนดวงเงินและจำนวนการซื้อหุ้นคืนนั้น เป็นการกำหนดว่า

1. การซื้อหุ้นคืนจะไม่เกินวงเงิน 950 ล้านบาทที่มีมติออกมา และ

2. การซื้อหุ้นคืนจะไม่เกินจำนวน 64 ล้านหุ้น

แต่ไม่ได้มีการระบุว่า จะ "ต้องซื้อ" ให้ถึงตามที่มีมติเอาไว้

ถ้าบริษัทดำเนินการซื้อตามกรอบสูงสุดที่ได้ขอมติ ก็มีสิทธิจะซื้อคืนได้ที่ราคาสูงถึง 14.80 บาท แต่ไม่ได้เป็นข้อบังคับว่า จะต้องซื้อคืนให้ถึง 64 ล้านหุ้น

การตัดสินใจซื้อเมื่อไหร่ ที่ราคาเท่าไหร่นั้น ขึ้นอยู่กับบริษัท ต่อให้ซื้อราคาต่ำกว่า 14.80 บาท ก็จะซื้อได้ไม่เกิน 64 ล้านหุ้นอยู่ดี เพียงแต่จะใช้เงินของบริษัทไม่ถึง 950 ล้านบาทตามที่ขอไว้

และที่สำคัญคือ บริษัทอาจจะ "ไม่ซื้อคืนเลยก็ได้" หรือ "ซื้อน้อยกว่าที่ระบุไว้" ก็เป็นไปได้

อยากให้พิจารณาเพิ่มเติมในจุดที่ว่า พื้นฐานของหุ้นนั้น เป็นอย่างไร??

การซื้อหุ้นคืนนั้น โดยมากจะทำเพราะบริษัทมองว่า "ราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวลงมามากกว่าที่ควรจะเป็น ไม่สมเหตุสมผลกับพื้นฐานของบริษัท"

เราควรต้องหันกลับมาให้ความสนใจว่า แล้ว "พื้นฐาน" ของบริษัทนั้น มันอยู่ตรงไหน??

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่หั่นราคาเป้าหมายหุ้น BEAUTY ลงมาเหลือราว 8 -9 บาท บางรายหั่นจนเหลือ PE เพียงแค่ 10 เท่า แล้วให้ราคาเหมาะสมแค่ระดับ 5 บาทกว่าๆ เพราะอะไร??

เพราะเขามองว่า ผลประกอบการที่คาดการณ์ว่าจะเติบโตระเบิดระเบ้อจากยอดส่งออกไปจีนนั้น มันไม่เป็นไปอย่างที่คาดไว้ จากบริษัทที่คาดการณ์การเติบโตไว้ที่ระดับสูงกว่า 20 - 30% ต่อปี กลับกลายเป็นว่า นับจากนี้ โอกาสการเติบโตนั้น "ติดลบ"

การ de-rate PE จึงเกิดขึ้น นั่นคือ การปรับค่า PE ที่ให้กับบริษัทลดลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้า จากอัตราการเติบโตที่มองว่าจะถึงขั้น "ติดลบ"

ราคาแถวๆ 8 - 9 บาท คือระดับที่นักวิเคราะห์มองว่าหุ้นจะมี PE ที่ราว 15 เท่า

แล้วเราหันไปมองราคาสูงสุดที่บริษัทจะซื้อคืนหุ้น ที่ 14.80 บาท นั่นเท่ากับว่า บริษัทกล้าที่จะซื้อคืนหุ้นของตัวเอง ที่ระดับ expected PE สูงกว่า 25 เท่า

หากถึงระยะเวลาครบกำหนดแล้วราคาหุ้นไม่สูงกว่านั้น บริษัทก็คงไม่ขายหุ้นออก และตัดสินใจลดทุน ซึ่งการลดทุนด้วยการลดจำนวนหุ้นที่ซื้อคืนไปนั้น ก็จะส่งผลลบต่อบริษัทเช่นเดียวกัน เพราะเป็นการซื้อคืนที่ราคาแสนแพง

นอกจากนั้น จำนวนหุ้นที่ซื้อคืน ก็นับว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับ free float ของหุ้น ซึ่งเป็นหุ้นที่อยู่ในมือของนักลงทุนรายย่อย การซื้อคืนเพียงแค่ 64 ล้านหุ้น เทียบกับจำนวนหุ้นของรายย่อยที่หมุนเวียนถึง 2 พันล้านหุ้น นับว่าเป็นการซื้อคืนที่ "น้อยนิด" มาก โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่หุ้นมีการซื้อขายกันบางวันสูงถึง 1 พันล้านหุ้น

ผมจึงอยากให้นักลงทุนย้อนถามตัวเองกลับว่า

1. มันผิดปกติหรือไม่ที่บริษัทประกาศมติการซื้อคืนหุ้น โดยตั้งใจให้ตีความว่าราคาจะสูงขนาดนี้ ซึ่งผิดวิสัยมาก เมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่เคยทำกันมา เพราะการซื้อคืนหุ้นมักทำเพื่อพยุงไม่ให้ราคาหุ้นมันต่ำจนเกินไป

แต่ในกรณีของ BEAUTY เหมือนเป็นการ "ชี้นำ" ราคาหุ้นมากกว่าการออกมติมาเพื่อ "พยุงราคาหุ้น"

2. พื้นฐานของ BEAUTY ควรอยู่ที่ราคาเท่าไหร่?? เมื่อเทียบกับผลประกอบการที่คาดว่าจะออกมา และอนาคตของบริษัท

บริษัทมีความจำเป็นขนาดไหนที่ต้องซื้อคืนหุ้นในราคาที่สุดแพงขนาดนั้น หรือบริษัทมองว่า ราคาเหมาะสมของหุ้นตัวเองควรอยู่ตรงนั้น ซึ่งถ้าบริษัทกล้าซื้อคืนที่ราคานั้น เท่ากับบริษัทยอมที่จะซื้อของแพงกลับไปเพื่อลดทุนในอนาคต ซึ่งเงินจำนวน 950 ล้านบาท ควรเอาไปใช้ในการขยายธุรกิจมากกว่าที่จะมาซื้อหุ้นบริษัทตัวเองในราคาที่สุดโต่งขนาดนั้น

3. การซื้อหุ้นคืนในกระดาน ใครจะวางขายก็ได้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ในปัจจุบันอาจจะวางขายเองก็ได้

หากบริษัมีจรรยาบรรณ และโปร่งใส การซื้อคืน ก็อาจซื้อคืนจากนักลงทุนทั่วไปที่วางขายหุ้นอยู่ แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่า จะไม่มีการฮั้วกัน โดยการจงใจเคาะซื้อหุ้นของใครบางคนในกระดาน ในกรณีที่ธรรมาภิบาลของบริษัทและผู้บริหารนั้นตกต่ำ

ดังนั้น เราจึงควรดึงสติเพื่อพิจารณาให้ถึ่ถ้วนว่า

การประกาศซื้อหุ้นคืนในลักษณะนี้ ทำเพื่อหวังประโยชน์บางอย่างแอบแฝงหรือไม่ หรือว่าต้องการทำเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นจริงๆ

และ ณ วันนี้ สิ่งที่เราควรให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ พื้นฐานของบริษัท ยอดขายสินค้าของบริษัท และอนาคตของบริษัท

เพราะการซื้อคืนหุ้น ไม่สามารถทำให้พื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนไปได้

ราคาหุ้น ยังไงเสียก็ต้องสะท้อนพื้นฐานอันควรจะเป็นของบริษัทในท้ายที่สุดอยู่ดี

หรือถ้าเรามองกันว่า ราคาหุ้น BEAUTY ที่ลงมานี้ มันลงมาแบบไร้เหตุผล และลงมาเกินกว่าพื้นฐานที่เปลี่ยนไป จะเข้าไปไล่ก็ไม่ว่ากัน แต่อยากเตือนว่า การที่ราคาหุ้นปรับลงมารุนแรงและรวดเร็วขนาดนี้ มัน "ไม่ใช่เรื่องปกติ" แน่นอน

****เพิ่มเติมท้ายสุดนะครับ**** ราคาซื้อหุ้นคืนนั้น ระบุว่าจะซื้อได้ไม่เกินราคาเฉลี่ยน 5 วันทำการย้อนหลัง บวกไม่เกิน 15% จะซื้อแพงกว่านั้นไม่ได้

เท่ากับว่า ที่คาดกันว่า จะซื้อคืนที่ราคา 14.80 บาทได้สูงสุดนั้น แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าจะเริ่มซื้อคืนวันที่ 24 ก.ค. 61 ก็ให้ใช้ราคาซื้อขายเฉลี่ยของ 5 วันทำการก่อนหน้านั้น เป็นฐาน แล้วซื้อคืนได้ในราคาไม่เกิน 15% ของราคาเฉลี่ยนั้นครับ *******


คนเล่นหุ้น