ข้อมูลจากหลักทรัพย์หยวนต้าครับ น่าสนใจมาก
ข้อมุลจาก efinancthai
http://www.efinancethai.com/Advertorial/AdvertorialMain.aspx?release=y&name=ad_201706231005&postdate=2017-06-23
*** เพราะแข็งแกร่งและมีโอกาสต่อยอด จึงต้องระดมทุน
หลายคนอาจมีคำถามว่าในเมื่อ BGRIM ทำธุรกิจมานาน ทำไมถึงเพิ่งวางแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ คำตอบง่ายๆ ก็คือ เพราะต้องการต่อยอดความสำเร็จในการขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งต้องใช้เม็ดเงินลงทุนค่อนข้างสูง
ปัจจุบัน BGRIM มีโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว 28 โรง มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 1,626 เมกะวัตต์ และในปี 2564 บริษัทฯ จะมีโครงการโรงไฟฟ้าที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้ดำเนินการได้อย่างน้อย 43 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 2,357 เมกะวัตต์ ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยประสบการณ์ยาวนานของทีมบริหาร ความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ซึ่งเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมไฟฟ้า และความเชี่ยวชาญของวิศวกรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ทำให้ Backlog ของบริษัทฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเหตุนี้เอง BGRIM จึงตัดสินใจเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 716,900,000 หุ้น (เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 651,800,000 หุ้น และจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จำนวนไม่เกิน 65,100,000 หุ้น)เพื่อระดมทุนมาขยายธุรกิจ เพื่อต่อยอดความสำเร็จและส่งเสริมให้บริษัทฯ เติบโตต่อได้อย่างเต็มศักยภาพ
*** 5 ปี ทยอย COD โรงไฟฟ้า 5 แห่ง
2560 : โรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว กำลังการผลิตรวม 20 เมกะวัตต์
2561 : โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในประเทศไทยและโรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว กำลังการผลิต รวม 414 เมกะวัตต์
2562 : โรงไฟฟ้าพลังน้ำใน สปป.ลาว กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 68 เมกะวัตต์ (ปีนี้จะมีโรงไฟฟ้า ABP1 (SPP replacement) ที่สร้างขึ้นมาแทนที่เดิมกำลังการผลิตไฟฟ้า ติดตั้งเดิมคือ 166 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าโรงไฟฟ้าที่สร้างขึ้นใหม่จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งที่ประมาณ 140 เมกะวัตต์ (ต่างกันประมาณ 26-27 เมกะวัตต์) เมื่อหักลบแล้วในปีนี้จึงมีกำลังการผลิตเพิ่มเพียงแค่ 41 เมกะวัตต์
2563 : โรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 16 เมกะวัตต์
2564 : โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในประเทศไทย กำลังการผลิตรวม 240 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ 5 โครงการดังกล่าว ยังไม่รวมโครงการที่บริษัทฯ อาจได้มาเพิ่มเติมในอนาคต ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศที่บริษัทฯ กำลังทำการศึกษาเพื่อหาโอกาสในการลงทุนเพิ่มเติม เช่น อินโดนีเซีย เมียนมาร์ มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา และฟิลิปปินส์
นอกจากการขยายธุรกิจใน สปป.ลาว ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำเซกอง 4 ราว 350 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเจรจาเสนอขายไฟฟ้าแล้ว บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเข้าลงทุนในโครงการ SPP Hybrid Firm และธุรกิจติดตั้ง Solar Rooftop บนหลังคาโรงงานลูกค้าของบริษัทฯ พร้อมเทคโนโลยี Energy Storage เพื่อช่วยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงพีค รวมถึงโครงการโซล่าร์ฟาร์มสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ฯ ระยะที่ 2 ซึ่งบริษัทฯ ได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วจำนวน 24 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการรอจับฉลากอีกจำนวน 14 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมความพร้อมที่จะพัฒนาโครงการ
โรงไฟฟ้า SPP ซึ่งมีกำลังการผลิตไฟฟ้าโรงละ 140 เมกะวัตต์ เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมอีก 3 โครงการ รวมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศมาเลเซีย และประเทศกัมพูชา รวมถึงประเทศอื่นๆในอาเซียนอีกด้วย
*** งบการเงินสดใส รายได้ - กำไรโตต่อเนื่อง
หากลองมาดูผลประกอบการ ของ BGRIM ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2557-2559 ) การเติบโตของรายได้และกำไร จากการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทฯ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเพราะมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในไตรมาสแรกของปี 2560 ก็มีสัญญาณการเติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้ารายได้เพิ่มขึ้น 12.8% หรือ 7,651 ล้านบาท
ด้านกำไรสุทธิปรับปรุงส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ เติบโตขึ้น 89.4% ตั้งแต่ปี 2557 – 2559 และในปี 2560 นี้ ช่วงไตรมาสแรกของปี บริษัทมีกำไรสุทธิปรับปรุงส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 421 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
โดยปัจจัยหลักการเติบโตของรายได้มาจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้าใหม่ จำนวน 4 โรง ในปี 2559 ได้แก่ โรงไฟฟ้า บี.กริม บีไอพี เพาเวอร์ 2 ที่เริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2559 โรงไฟฟ้า บี.กริม โซลาร์ เพาเวอร์ (สระแก้ว) 1 ที่เริ่มดำเนินการในเดือนเมษายน 2559 โรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 5 ที่เริ่มดำเนินการในเดือนมิถุนายน 2559และโรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ ดับบลิวเอชเอ 1 ที่เริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา
โดยรวมอาจดูเหมือนอัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้และกำไรลดลง แต่ความจริงแล้วมันลดลงเพราะบริษัทฯ มีการกู้เงินมาเพื่อลงทุนในโครงการต่างๆ ในช่วงปีก่อน ซึ่งนับเป็นหนี้ดีที่กู้มาเพื่อลงทุนและจะส่งผลให้มีผลตอบแทนกลับมาในอนาคต
*** ชูประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี - กระแสเงินสดมั่นคง
หลังจากทราบผลประกอบการไปแล้ว เชื่อว่าหลายคน เริ่มอยากจะเห็นแล้วว่า BGRIM มีจุดเด่นและน่าสนใจอย่างไรบ้าง ซึ่งพอจะสรุปออกมาได้ดังนี้
- บริษัท มีความเชี่ยวชาญในการดำเนินงาน และคณะผู้บริหารที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปี ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า และมุ่งบริหารจัดการเพื่อให้ บี.กริม เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและบริหารจัดการโครงการโรงไฟฟ้าอย่างรอบด้าน ทั้งการจัดหาสัญญา การออกแบบและก่อสร้างการบำรุงรักษา และการจัดหาเงินทุน ฯลฯ โดยได้รับการสนับสนุนจากบุคลากรและวิศวกรของบริษัทฯ ที่มีความเป็นมืออาชีพ
- มีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับการเติบโตตามความต้องการการใช้ไฟฟ้าของภูมิภาคในระยะยาว ผ่านโครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำของบริษัท ครอบคลุมผู้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 300 ราย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศไทย ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ สวนอุตสาหกรรมบางกะดี นิคมอุตสาหกรรมเหมราชและนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง รวมไปถึงนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ เบียนหัว ในประเทศเวียดนาม
- มีความสามารถและความเชี่ยวชาญของทีมปฏิบัติการและบำรุงรักษาของกลุ่ม เนื่องจากบริษัทฯ มีทีมงานวิศวกรและบุคลากรที่มีความสามารถและประสบการณ์ ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการซ่อมบำรุงรักษาเครื่องจักรต่าง ๆ และได้รับรางวัล "POWER-GEN Asia Project of the Year" ในประเภทของ "The Best Distributed Generation Project" สำหรับโครงการ SPP
- มีความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งกับพันธมิตรชั้นนำ ทั้งในกลุ่มบริษัทพัฒนาและบริหารนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ครอบคลุมบริษัทผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน และลูกค้าอุตสาหกรรม ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรักษาฐานลูกค้าได้
- กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้และกระแสเงินสดที่มั่นคงและต่อเนื่อง จากการที่มีโครงการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับกฟผ. จากโครงการ SPP (ซึ่งมีอายุสัญญา 21 ถึง 25 ปี)กฟภ. จากโครงการ VSPP และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (ซึ่งมีอายุสัญญา 25 ปี) EDL (ซึ่งมีอายุสัญญา 25 ปี) และลูกค้าอุตสาหกรรม (ซึ่งมีอายุสัญญา 5 ถึง 15 ปี) รวมถึงสัญญาการจัดหาก๊าซธรรมชาติกับ ปตท. (ซึ่งจะมีระยะเวลาของสัญญาสอดคล้องกับระยะเวลาของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกลุ่มบริษัทฯ และ กฟผ.) โดยมีประวัติยอดเยี่ยมในการต่ออายุสัญญา
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี้ครับ http://www.efinancethai.com/Advertorial/AdvertorialMain.aspx?release=y&name=ad_201706231005&postdate=2017-06-23