ห้องเม่าปีกเหล็ก

รู้ทางถอยในภาวะเศรษฐกิจโตต่ำ

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
59 views

รู้ทางถอยในภาวะเศรษฐกิจโตต่ำ

ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เราเจอปัญหาหนักๆ หลายเรื่อง ถ้าไม่รวมปัญหาสังคมที่บั่นทอนความรู้สึกของเราแล้ว ปัญหาทางเศรษฐกิจก็ต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องหนักหนาสาหัสไม่แพ้กัน โดยเฉพาะมีปัจจัยลบจาก 3 เรื่อง นั่นคือ ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ที่ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวหายไป การจับจ่ายใช้สอย การบริโภคสะดุด และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การบริการ ได้รับผลกระทบถ้วนหน้า

เรื่องที่ 2 คือ ความล่าช้าของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่กระทบกับการใช้จ่ายของภาครัฐ ซึ่งปกติปีงบประมาณจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงกันยายน แปลว่า งบปี 63 ตามรอบปกติจะเริ่มใช้ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 แต่ปรากฏว่า ล่วงมาถึงกุมภาพันธ์ 2563 แล้ว งบประมาณก็ยังนำมาใช้ไม่ได้ ส่วนปัจจัยสุดท้าย คือ ปัญหาภัยแล้ง ที่กระทบกับรายได้ของภาคเกษตรกรซึ่งเป็นแรงงานส่วนใหญ่ของประเทศ

ทั้ง 3 ปัจจัยนี้ ทำให้สำนักวิจัยต่างๆ เริ่มทยอยปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลง จนเป็นไปได้ว่า ปีนี้เศรษฐกิจอาจจะขยายตัวไม่ถึง 2% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำมาก ล่าสุด มีการประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปีนี้อาจจะขยายตัวต่ำกว่า 1% จึงมีความเป็นไปได้ว่า สิ่งที่จะตามมาคือ ปัญหาการว่างงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาล (รวมถึงเราไม่อยากให้เกิด เนื่องเพราะที่ผ่านมา แม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะอยู่ในระดับต่ำ แต่อัตราการว่างงานที่อยู่ในระดับ 1% นั้น ‘ไม่ใช่ปัญหา’ เพราะปัญหาหลักของเราคือ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย

เมื่อหามาได้เท่าไหร่ ก็ไม่พอกับที่ต้องจ่ายออกไป ครอบครัวไทยจึงมีปัญหาหนี้สินมากขึ้น จนกลายเป็นปัจจัยที่กดทับซ้อนเข้ามาอีกแรง ถ้ามีปัญหา ‘ตกงาน’ เข้ามาซ้ำเติม ก็เรียกว่า เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะวิกฤติของครัวเรือนเพิ่มขึ้นไปอีก

การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของแบงก์ชาติในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ตามมาด้วยการลดดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ทั้งรัฐและเอกชน ส่วนหนึ่งก็เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของ ‘ลูกหนี้’ โดยเฉพาะลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รวมถึงสินเชื่อบัตรเครดิต บัตรเงินสด ที่ก่อนหน้านี้แบงก์ชาติสั่งปรับวิธีการคำนวณดอกเบี้ยทบต้นทบดอกใหม่ เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมให้กับลูกหนี้ หรือแม้แต่ความพยายามแบ่งเบาภาระลูกหนี้บัตรเครดิตด้วยการลดอัตราการจ่ายขั้นต่ำจากเดิม 10% ให้ลดต่ำกว่านั้น

แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นการบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราว การรับมือกับผลกระทบอย่างยั่งยืนนั้น เป็นเรื่องที่เราต้องรู้ทั้งการตั้งรับ และบางจังหวะก็ต้อง รู้ทางถอย

รู้ทางถอยในภาวะ เศรษฐกิจโตต่ำ และมีโอกาสที่อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้น คือ ต้องทำตัวให้เบาที่สุด’ หยุดก่อหนี้ใหม่หรือหยุดก่อหนี้เพิ่มสำหรับคนที่ยังไม่พร้อม แม้ว่าดอกเบี้ยจะต่ำลง แต่ต้องพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ระยะยาวของตัวเองด้วย

ส่วนคนที่มีหนี้อยู่แล้ว ใช้จังหวะดอกเบี้ยต่ำเร่งโปะหรือปิดหนี้ให้เร็วขึ้น สำหรับคนที่ไหวนะคะ เลือกเฉพาะหนี้ที่คิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอก หรือหนี้ที่ดอกเบี้ยลอยตัว เช่น หนี้บ้าน หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรเงินสด ส่วนหนี้ที่ดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุสัญญา เช่น หนี้ผ่อนรถ ไม่จำเป็นต้องโปะหรือตัดยอดให้เร็วขึ้นค่ะ ผ่อนตามปกติก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย เพราะดอกเบี้ยได้ถูกคำนวณไว้ในค่างวดล่วงหน้าแล้ว

ส่วนคนที่โปะไม่ไหว ก็ไม่ต้องดิ้นรนโปะค่ะ เพราะลำพังที่ผ่อนอยู่ก็แทบจะเดือนชนเดือนอยู่แล้ว เราใช้จังหวะดอกเบี้ยต่ำ ถ้าเงื่อนไขผ่อนต่องวดน้อยลง ก็อย่าเอาเงินที่ประหยัดไปใช้จ่ายกับเรื่องไม่เป็นเรื่องค่ะ หาทางเพิ่มเงินออม เก็บไว้รองรับความไม่แน่นอนในอนาคต แต่บางกรณี ยอดผ่อนต่องวดจะเท่าเดิมนะคะ แต่เราจะตัดเงินต้นได้มากขึ้น ยอดหนี้จะลดลงเร็วขึ้นค่ะ

สรุปกลยุทธ์ ‘รู้ทางถอย’ ก็คือ อย่าเพิ่มความสุ่มเสี่ยงให้ตัวเอง รู้ว่าถนนนี้มืด เส้นทางนี้เปลี่ยว มิจฉาชีพเยอะ เดินเข้าไปก็มีแต่จะเดือดร้อน ก็อย่าเดินเข้าไปโดยเฉพาะในยามวิกาลเหมือน เศรษฐกิจโตต่ำ แบบนี้แหละค่ะ

 

 ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น