ห้องเม่าปีกเหล็ก

OR โบรกฯ แนะ “ขาย”

โดย Analog
เผยแพร่ :
171 views

OR ราคาหุ้นลบ 8% ในรอบ 3 เดือน

โบรกฯ แนะ “ขาย” มองราคายังแพง

แรงกดดันเพียบ ฉุดกำไรอ่อนแอ

.

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ผู้นำค้าปลีกน้ำมันของไทย แต่ราคาหุ้นยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ล่าสุดราคาปิดการซื้อขายของภาคเช้าวันนี้ (31 ต.ค. 65) ที่ระดับ 24.20 บาทไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อนหน้า แต่จากราคาปิดดังกล่าวหากสำรวจย้อนหลัง 3 เดือน พบว่าราคาหุ้นลดลงสูงถึง 8.68% ขณะที่วันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้นทำจุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 24 บาท

.

ทั้งนี้ดูเหมือน OR จะมีปัจจัยกดดันการเติบโต ทั้ง Amazon Café เริ่มมีแรงกดดันด้านต้นทุนจากเงินเฟ้อ แม้จะมีการปรับราคาขายขึ้น แต่นักวิเคราะห์ไม่คาดว่าจะครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ระยะสั้นกำไรไตรมาส 3/65 ยังอ่อนแออีกด้วย เพราะ ค่าการตลาด และปริมาณขายที่ลดลง

.

สะท้อนจากมุมมองนักวิเคราะห์บล.ธนชาต กล่าวว่า ยังคงคำแนะนำ “ขาย” OR เนื่องจากคาดว่าปัจจัยหนุนอัตรากำไรจะหายไปในปีนี้ และบริษัทฯ จะกลับสู่โหมดที่ไม่มีการเติบโตในปีหน้า อัตราเงินเฟ้อยังเพิ่มแรงกดดันด้านต้นทุน ที่ P/E ปี 2566 ระดับ 24 เท่า เชื่อว่า OR มีนั้นแพง

.

โดยยังคงแนะนำ “ขาย” OR เนื่องจาก 1.กำไรมีแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอ โดยคาดว่าจะลดลง -14% ในปี 66 และเติบโตเพียง 4.8% ในปี 67 เนื่องจากมีปัจจัยผลักดันใหม่ที่จำกัด และอัตรากำไรที่อ่อนตัวลง 2.สมมติให้แรงกดดันด้านราคาพลังงานลดลงในปีหน้า คาดว่าจะไม่มีปัจจัยบวกจากค่าการตลาดพิเศษจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น และการขายน้ำมันดีเซลไปยังโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมอีกต่อไป

.

3.คาดว่าธุรกิจ non-oil จะมีอัตรากำไรที่ลดลงจากแรงกดดันด้านต้นทุน และ 4. มองว่า OR นั้นแพง ซื้อขาย P/E ปี 2566 ระดับ 24 เท่า เมื่อเทียบกับกำไรที่มีแนวโน้มลดลง ในบทวิเคราะห์นี้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้น 7% ในปี 65 เพื่อสะท้อนถึงปัจจัยบวกพิเศษข้างต้น แต่ปรับลดกำไรลง 13.8-13.7% ในปี 66-67 เพื่อสะท้อนอัตรากำไรของธุรกิจ non-oil ที่ลดลง ราคาเป้าหมายลดลงเหลือ 20 บาท (จาก 21 บาท)

.

ปัจจัยหนุนพิเศษหายไป

OR ได้ปัจจัยหนุนพิเศษ 2 ประการในปี 65 ได้แก่ 1.การเพิ่มขึ้นของค่าการตลาดเป็น 1.6 บาท/ลิตร (จากเฉลี่ยที่ 1.1 บาท นับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในปี 64) จากกำไรจากมูลค่าสินค้าคงเหลือจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และ 2.การขายดีเซลเพิ่มเติมให้กับโรงไฟฟ้าในระดับหนึ่งทดแทน LNG นำเข้าที่มีราคาแพง เนื่องจากราคา LNG ได้ลดลงอย่างมากจากจุดสูงสุดที่ 71 ดอลลาร์/ล้านบีทียู เป็น 31 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู และราคาที่สูงกว่าราคาน้ำมันดีเซลตอนนี้ก็ลดลงมากจากจุดสูงสุดที่ 30 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู เป็น 8 ดอลลาร์สหรัฐต่อล้านบีทียู ดังนั้นการใช้น้ำมันดีเซลทดแทนสำหรับโรงไฟฟ้าจึงน่าสนใจน้อยลง

.

แรงกดดันด้านต้นทุนของธุรกิจ non-oil

Amazon Café เริ่มมีแรงกดดันด้านต้นทุนจากเงินเฟ้อ บริษัทฯ ได้ปรับราคาสินค้าในแต่ละเมนูขึ้นราว 5 บาท ตั้งแต่ 1 ต.ค. คิดเป็นการเพิ่มขึ้นของราคาราว 9% แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าที่คาดไว้มาก เราจึงไม่คาดว่าราคาที่เพิ่มขึ้นจะครอบคลุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เราคาดว่า EBITDA margin ของ non-oil จะลดลงเป็น 26.9-26.8% ในปี 66-67 จาก 27.3% ในปี 65

.

กำไรไตรมาส 3/65 อ่อนแอ

ขณะที่คาดว่ากำไรไตรมาส 3/65 ของ OR อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ลดลง 22%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 77%จากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าการตลาดที่ลดลงเหลือเพียง 0.7 บาท/ลิตร และปริมาณขายที่ลดลง 8% จากไตรมาสก่อน จากความต้องการส่งออกที่ลดลง ค่าการตลาดที่ลดลงเนื่องจาก 1.OR ต้องซื้อน้ำมันคงคลังที่มีราคาแพงขึ้นในช่วงที่โรงกลั่นสองแห่งปิดซ่อมบำรุงในช่วงไตรมาส และ 2.แนวโน้มราคาน้ำมันที่ลดลงส่งผลให้มีผลขาดทุนจากสต๊อก ธุรกิจ non-oil ยังมีค่าใช้จ่ายจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงเช่นกัน

 

 


Analog