Major เป็นที่รู้กันดีว่าดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ ธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ ธุรกิจลานสเก็ตน้ำแข็ง ธุรกิจพื้นทีเช่าและศูนย์การค้า ธุรกิจการสร้างและการจัดจําหน่ายภาพยนตร์ และธุรกิจ บริการสื่อโฆษณา
อย่างไรก็ตามเมื่อกลางเดือน ส.ค.มีการแจ้งข่าวทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของบริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF จำนวนไม่เกิน 428 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 24.11% ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ SF ในราคาหุ้นละ 6.20 บาท คิดเป็นมูลค่า 2,655 ล้านบาท โดยเม็ดเงินที่ใช้ซื้อ SF จะนำมาใช้เป็นทุนในการหมุนเวียนและการกู้ยืม
ในเรื่องนี้นักวิเคราะห์ ของ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง " ระบุว่า ปัจจุบัน MAJOR ถือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน SF อยู่แล้วในสัดส่วน 24.89% ซึ่งภายหลังจากดีลนี้เสร็จสิ้นจะทำให้ MAJOR จะถือหุ้นเป็นสัดส่วน 49% ทำให้ยังไม่ต้องรวมงบการเงินของ SF แต่รับรู้ในส่วนแบ่งของกำไรเพิ่มขึ้นจากที่ SF มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ราคาหุ้นที่มีความผันผวน ซึ่งโดนเทขายต่อเนื่องราคาหุ้นร่วงต่ำสุดในรอบเกือบ 6 เดือน วันนี้ 7/09/59 หุ้น Major ราคาร่วงมาปิดที่ 28.50 บาท หรือ -1.25บาท หรือ -4.20%
นอกจากนั้น ผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาปิ่นเกล้า ในช่วงเดือน ก.ค.59 ว่าจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการในงวดไตรมาส 3 นี้หรือไม่ ซึ่งทางบริษัทฯยืนยันว่าความเสียหายทั้งหมดอยู่ในความคุ้มครองของบริษัทประกันภัย ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินของบริษัท
มุมมองราคาของนักวิเคราะห์ต่อราคาเป้า Major ?
ราคาเป้าเฉลี่ยของโบรคเกอร์ทั้ง 10 บริษัทให้ราคาเป้าอยู่ที่ 34.63 บาท ราคานี้ยังสามารถ upside ได้อยู่ ราคาที่ลดลงมาในขณะนี้ สำหรับนักลงทุนที่สนใจหุ้นกลุ่มนี้อาจจะทยอยเข้าเก็บหุ้นได้ โดยที่พึ่่งระมัดระวังความเสี่ยงในการลงทุนด้วย เนื่องจากว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาเยอะ และคาดกำไรในไตรมาส 3 นี้ชะลอตัวตามภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่เข้าถ่ายน้อยลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขอบคุณแหล่งข้อมูล : Aspen, บทวิเคราะห์เมย์แบงก์กิมเอ็ง,