โบรกคาดโค้งแรกต่างชาติทิ้ง ‘หุ้นไทย’
“หุ้นไทย”ร่วงหนัก 22 จุด กองทุนไทย ต่างชาติ โบรก พร้อมใจขาย 6.5 พันล้านบาท ทิสโก้ ชี้ นักลงทุนกังวล ดอกเบี้ยปรับขึ้น หลัง บอนด์ยิลด์สหรัฐ 10 ปีพุ่งทำนิวไฮรอบ 1 ปี -หลุดแนวรับสำคัญ “กสิกรไทย"คาดหุ้นไทยปรับฐานอีก 1 เดือน ด้าน"โนมูระพัฒนสิน"เผย ฟุตซี่ ลดน้ำหนักหุ้นไทย ประเมินแรงขาย 3.6 พันล้าน มีผล 19 มี.ค.
ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 2,407.25 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ขายสุทธิ 2,173.64 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,966.70 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 6,547.59 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจาก บอนด์ยิลด์สหรัฐ 10 ปี ที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ1ปี อยู่ที่ 1.36%ซึ่งการที่บอนด์ยิลด์ปรับตัวขึ้นก็เป็นการสะท้อนแนวโน้มดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้น ซึ่งกดดันต่อการลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกให้ปรับฐาน ประกอบกับสัญญาทางเทคนิคไม่ดีจากที่ดัชนีหลุด 1,500จุด ทำให้ต้องมีการปรับฐานลงมา
ทั้งนี้คาดว่านักลงทุนต่างชาติยังคงขายหุ้นไทย และคาดว่าจะยังคงต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ เพราะ MSCI จะมีการลดน้ำหนักหุ้นไทยในวันที่ 25ก.พ.จึงทำให้มีแรงขายออกมา ซึ่งส่วนตัวมองว่าช่วงนี้ฟันด์โฟลว์จะชะลอตัวจนกว่าจะเห็นภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนกว่านี้ หวังครึ่งปีหลังฟันด์โฟลว์กลับมา
สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยจากนี้ถึงเดือนมี.ค.คาดว่าจะดัชนีปรับฐานตามตลาดหุ้นทั่วโลกจะเป็นลักษณะไซด์เวย์ดาวน์ จากบอน์ดยิล และการเมืองในประเทศใน เรื่องการชุมนุม
อย่างไรตามประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ คือ ประธานธนาคารกลางสหรัฐจะมีการให้ถ้อยแถลงต่อ สภาคองเกรส ถึงทางเศรษฐกิจและแนวโน้มนโยบายการเงิน ซึ่งคาดเฟดจะยังคงผ่อนคลายนโยบายการเงินต่ด ซึ่งอาจทำให้บอนด์ยิลด์อ่อนตัวลงมาได้ และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของไบเดน อาจเป็นข่าวดีกระตุ้นให้ดัชนีในช่วงปลายสัปดาห์นี้ปรับตัวขึ้นได้
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุนกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์(บล.) โนมูระพัฒนสิน กล่าวว่า หุ้นไทยปรับตัวลงแรง มาจากการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ และFTSE ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทย เป็นปัจจัยถ่วงดัชนีหุ้นไทย ที่เพิ่มเข้ามา ซึ่ง FTSE Rebalance รอบนี้ ไม่มีหุ้นไทยเข้าออก แต่ไทยถูกปรับลดน้ำหนักลงเหลือ 2.25%จาก 2.3% คิดเป็นเม็ดเงินราว 3.6 พันล้านบาท โดยหุ้นที่ถูกปรับน้ำหนักลงมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ PTT ,TMB,SCC,CPALL,AOT เป็นเม็ดเงิน -11 ถึง -5 ล้านดอลลาร์ต่อหุ้น โดยทั้งหมดจะมีผลต่อราคาปิดวันที่19 มี.ค.นี้
ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าวเป็นปัจจัยกดดันดัชนีเพิ่มเติม ต่อเนื่องจากการการปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยของ MSCI ก่อนหน้านี้ จะมีผลในวันที่ 25 ก.พ.นี้ รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อเร่งตัวและการดีดตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของบอนด์ยีลด์ ประกอบกับจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้ในระยะสั้น หุ้นไทยมีโอกาสพักฐานระยะอีก 1 เดือนจากนี้ โดยมองแนวรับที่ 1,400-1,450 จุด และแนวต้าน 1,550-1,560 จุด
ดังนั้น ประเมินกระแสเงินทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์) ในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ยังเป็นเงินไหลออกต่อเนื่อง แต่ปลายไตรมาส 2 ปีนี้ คาดหวังฟันด์โฟลว์น่าจะกลับได้ หากเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนหลังเริ่มกระจายฉีดวัคซีนและคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ดีขึ้น
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ระยะสั้น คาดดัชนีหุ้นไทยปรับฐานระยะ 1 เดือนจากนี้ แนวรับในช่วงสัปดาห์สุดท้ายเดือนก.พ.ที่ 1,475 จุดและในเดือน มี.ค. ที่1,444 จุด ซึ่งคาดไม่น่าหลุดระดับนี้เป็นโอกาสที่เข้าลงทุนเก็งกำไรได้ ส่วนแนวต้านที่ 1,500 จุด
ขณะที่แนวโน้มฟันด์โฟลว์จะไหลกลับมาในตลาดหุ้นไทยได้หรือนั้น ยังต้องรอติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยหลังจากได้รับวัคซีน และถ้าฝั่งสหรัฐเศรษฐกิจฟื้นกลับมาเร็ว มีการลดสภาพคล่อง เชื่อว่าแนวโน้มในระยะยาว ดอลลาร์กลับมาแข็งค่า ดังนั้นต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยตอนนี้เป็นการเข้ามาเพื่อเก็งกำไรค่าเงินเป็นหลัก
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก