BTG รับอานิสงส์เศรษฐกิจในประเทศฟื้น
จะช่วยผลักดันทุกกลุ่มธุรกิจให้เติบโตต่อเนื่อง

.
BTG หรือ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในหุ้นไอพีโอขนาดใหญ่ ประกอบกับเป็นหุ้นที่อยู่ในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรของตลาดหุ้นไทย และเป็นหุ้นที่นักลงทุนให้ความหวังว่าผลประกอบการจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะยังไม่สามารถยืนเหนือระดับราคาจองซื้อไอพีโอที่ 40 บาทได้
.
แต่อย่างไรก็ตามล่าสุด BTG รายงานผลประกอบการออกมาในแบบที่ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เนื่องจากกำไรสุทธิ และรายได้ที่ประกาศออกมาถือว่าเติบโตได้อย่างโดดเด่น ขณะเดียวกัน BTG ยังสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นด้วยการประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท
.
ทั้งนี้ผลประกอบการของ BTG ในงวดปี 65 ที่ออกมานั้นเติบโตมาจากสาเหตุอะไร และแนวโน้มของธุรกิจในปี 66 จะเป็นอย่างไร รวมถึงความน่าสนใจในโอกาสของธุรกิจ และปัจจัยสนับสนุนราคาหุ้นจะมีมากน้อยแค่ไหน Wealthy Thai จะพานักลงทุนไปหาคำตอบ
.
BTG รายงานผลประกอบการงวดปี 65 ว่า มีรายได้รวม 113,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 86,744 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 7,938 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 685.5% จากปีก่อน ซึ่งการเติบโตของรายได้มาจากทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจหลักอย่างแข็งแกร่งและโดดเด่น ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเกษตร มีรายได้เพิ่มขึ้นจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น
.
ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน มีรายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายและราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูปและเนื้อสัตว์แปรรูป ทั้งในประเทศและตลาดส่งออก
.
รวมถึงกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ เติบโตจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายของอาหารสัตว์ รวมทั้งราคาขายสัตว์ที่มีชีวิต ทั้งในประเทศกัมพูชาและประเทศลาวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
.
อีกทั้งกลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง เป็นธุรกิจที่เติบโตเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณการขายและราคาขายอาหารสัตว์เลี้ยงที่ปรับขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิต และการเพิ่มขึ้นของสัดส่วนรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่มีราคาขายสูงขึ้น ตามกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงมากยิ่งขึ้น
.
ในส่วนของกำไรที่สามารรถเติบโตได้ดีเพราะ จากการเพิ่มขึ้นของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น รวมทั้งการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยได้ประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (Economy of Scale) ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขาย โดยมีปัจจัยจากการปรับราคาสินค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์หมู ไก่ ไข่ไก่ อาหารแปรรูปและเนื้อสัตว์แปรรูป รวมทั้งมาจากรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้น
.
[โอกาสการเติบโตในอนาคต]
สำหรับแนวโน้มทางธุรกิจ และโอกาสการเติบโตของ BTG ในระยะใกล้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนวโน้มกาไรปกติไตรมาส 1/66 เบื้องต้นจะชะลอจากไตรมาส 4/65 ตามแนวโน้มราคาหมูไก่ทั้งในประเทศที่อ่อนตัว แต่อย่างไรก็ตามคาดจะชดเชยบางส่วนจากปริมาณขายที่สูงขึ้นเนื่องจากได้ประโยชน์จากอุปสงค์อาหารที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจและการเปิดประเทศหนุนกำไรให้เติบโตจากปีก่อนได้ต่อ
.
ทั้งนี้ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อกำไรปี 66 ที่แม้ว่าจะอ่อนตัวจากปีก่อน เพราะแนวโน้มราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง แต่จะชดเชยได้บางส่วนจากปริมาณขายที่สูงขึ้นตามอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวและการขยายกำลังการผลิตของบริษัท
.
รวมทั้งแผนการควบคุมต้นทุนและเน้นจำหน่ายสินค้าในช่องทางที่มีอัตรากำไรสูงมากขึ้นช่วยลดผลกระทบของอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับลง ทำให้เรามองว่ากาไรที่ลดลงจากปีก่อนนั้นจะยังเป็นระดับกำไรที่สูงกว่าอดีตที่บริษัทเคยทำได้อย่างมีนัยสาคัญ โดยคาดกำไรปกติปี 66 จะอยู่ที่ 7.14 พันล้านบาท ดังนั้นคงคำแนะนำ “ซื้อ” กำหนดราคาเป้าหมายปี 66 ไว้ที่ 45 บาทต่อหุ้น
.
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรสุทธิของ BTG ในปี 66 จะอยู่ที่ 7.64 พันล้านบาท ลดลง 5% จากปีก่อน เพราะคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น จะลดลงเหลือ 18.2% จาก 19.5% ในปี 2565 เนื่องจากคาดว่าราคาเนื้อสัตว์จะลดลง
.
อย่างไรก็ตาม คาดว่าการขยายกำลังการผลิตจะช่วยหนุนให้ยอดขายโตระดับเลขหลักเดียวต่ำ ๆ นอกจากนี้ เรายังมองว่าสมมติฐานสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายของเราที่ 10.5% ยังมีอัพไซด์ อีกเพราะบริษัทส่งสัญญาณว่าอาจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายขึ้นอีก ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำถือ BTG โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 66 ที่ 38.50 บาท