การสร้างทัศนคติเชิงบวก คือ การสร้างกรอบในการเดินเข้าหาความสุข
ไม่มีใครที่อยากมีความทุกข์ไปตลอดชีวิต และความทุกข์ก็เปรียบเสมือนขยะ
ที่ทำให้ใจเราเน่าเหม็น ดังนั้น การสร้างความสุขที่แท้จริงและยั่งยืน
คือ การตั้งเข็มทิศให้เดินอย่างมีทิศทาง ว่าแต่ จะต้องสร้างทิศทางอย่างไร
เพื่อความสุขที่แท้จริง นั่นคือ
1.ไม่ยึดติดและรู้จักปล่อยวาง
การที่เรายึดติด โดยเฉพาะยึดติดความทุกข์ จะทำให้เรามองไม่เห็นหนทาง
แต่หากเรากล้าปล่อยวางความทุกข์ลง และเข้าใจสัจธรรมว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน
มีเกิด ย่อม มีดับ มีขึ้น ย่อม มีลง เราจะอยู่กับตนเองอย่างมีความสุขมากขึ้นครับ
2.คิดแบบผู้ใหญ่ ทำแบบเด็ก
อยากมีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องรู้จักคิดให้เยอะ คิดให้รอบด้าน
และกล้าลงมือทำเหมือนเด็กที่กำลังสนุกกับการเล่นบางสิ่งบางอย่าง
เพราะหากเรามัวแต่คิดอย่างเดียว ผลลัพธ์ก็คงไม่เกิดขึ้น
หรือหากเราลงมือทำโดยขาดการคิด โอกาสผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นแน่นอนครับ
ดังนั้น ต้องรู้จักคิดแบบผู้ใหญ่ และกล้าลงมือทำเหมือนเด็กครับ
3.เลิกจับผิดคนอื่นแล้วจับผิดที่ตัวเรา
การที่เราจับผิดผู้อื่น นั่นคือ การมองผู้อื่นในเชิงลบ และนั่นคือ บ่อเกิดความทุกข์ในใจเรา
ปรับมุมมองใหม่ครับ ยังจับผิดได้เหมือนเดิม แต่เลิกมองคนอื่นด้วยอคติ เพราะแต่ละคน
ย่อมมีความคิด มุมมอง ความเชื่อ ที่แตกต่างกัน หันกลับมามองตัวเราครับ
เพื่อหาข้อเสีย จุดบกพร่องในการแก้ไข เพื่อให้วันข้างหน้าเราจะได้เกิดการพัฒนาตนเอง
และเมื่อเราพัฒนาตนเองมากขึ้น ความสุขย่อมเกิดขึ้นและจะมีสิ่งดี ๆ ดึงดูดหาเราแน่นอนครับ
4.ปัจจุบัน คือ สิ่งที่สำคัญ
อดีต ย่อมแก้ไขไม่ได้ อนาคต คือ ควันจาง ๆ ที่เรามองไม่เห็น แต่ ปัจจุบัน
คือสิ่งที่เราเห็นได้ชัดเจน และนั่น คือ หนทางการก้าวเดินอย่างมีสติ
ดังนั้น ให้ความสำคัญกับการลงมือทำในปัจจุบันให้ดีที่สุดเดี๋ยวอนาคตเราจะรู้เอง
5.อย่าให้อารมณ์เหนือกว่าสติ
เพราะ สติ คือ สิ่งที่ทำให้เราเกิดการฉุกคิดในการลงมือทำ แต่หากเมื่อไหร่ก็ตาม
ที่เราใช้อารมณ์นำทาง หายนะย่อมเกิดขึ้นกับตัวเราไม่มากก็น้อย
รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง เท่ากับ เราลดขยะในหัวใจลง
เพื่อเติมน้ำทิพย์ ที่เรียกว่า สติ ในการดำเนินชีวิตต่อไป
6.ไม่ผิดถ้าเราจะคิดลบ
การคิดลบ ไม่ใช่เรื่องที่ผิด หากการคิดลบนั้น เป็นไปเพื่อสร้างเกาะคุ้มกันภัยให้กับตนเอง
บนโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดที่เรายึดถือสุดโต่ง ทุกอย่างมีของสองสิ่งเสมอ
เช่นกัน กับการคิดบวก ก็ย่อมมีการ คิดลบ แต่เราใช้การคิดลบในแนวทางการป้องกัน วางแผน
เพื่อให้ทุก ๆ การเดินทางของเราปราศจากความผิดพลาด หรือ ผิดพลาดให้น้อยลง
เท่านี้ ชีวิตย่อมมีความสมดุลครับ
7.หากคิดลบได้ ก็ต้องรู้จักการคิดบวก
เพราะการคิดบวก ย่อมทำให้ใจเราเป็นสุข และเห็นหนทางในการเดินหน้าต่อไป
การคิดบวก ไม่ใช่คิด เพื่ออยู่กับตนเองและเพ้อฝันไปวัน ๆ แต่การคิดบวก เพื่อให้ใจเรา
สร้างแนวทางของการแก้ไขปัญหา และสร้างทางออกของปัญหาให้เรา
ไม่จมกับความทุกข์ และเกิดอาการท้อถอยในสิ่งที่ทำ
เชื่อเสมอครับ ว่า ทุกปัญหา ทุกความเป็นไปบนโลกนี้ สามารถทำได้
และนั่น คือ หนทางสู่ความสุขและความสำเร็จที่แท้จริงครับ
8.พัฒนาความคิดด้วยการเรียนรู้
การเรียนรู้ คือ สิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะคนเรามีแค่ รู้ กับ ไม่รู้
หากรู้แล้วทำ ชีวิตย่อมไปไกล แต่หากไม่รู้แล้วทำ หายนะชัด ๆ
การพัฒนาตนเอง คือ สิ่งที่ต้องคำนึง แค่อ่านหนังสือดี ๆ วันละนิด ฟังสิ่งดี ๆ ให้เข้าหู
เปิดตาดูสิ่งที่ต่อยอดความคิดได้ เท่านี้ ชีวิตเราย่อมเจอแต่สิ่งดี ๆ ผมเชื่อแบบนั้นครับ
9.หยุดมองคนอื่นแต่หันมามองที่ตัวเรา
การมองคนอื่น มองในเชิงวิธีคิด และชื่นชมเขาในสิ่งที่เขาทำ
และหันมามองที่ตัวเรา เพื่อนำวิธีคิดที่ได้มาประยุกต์ใช้กับตนเอง
ไม่มีใครเหมือนกันหรอกครับ อย่าดูถูกตนเอง เพราะทุกคนมีศักยภาพในตนเอง
ค้นหา ดึงมันออกมา แล้วนำมาสร้างสิ่งที่เราคิด ทำสิ่งเล็ก ๆ เพื่อต่อยอดไปสู่จุดที่ใหญ่
เมื่อนั้น ความสุขจากรอยยิ้ม คือ สิ่งที่ทำให้เรามีความสุขไม่มากก็น้อยครับ
10.สม่ำเสมอ
การจะทำสิ่งใดก็ตาม ครั้งแรกย่อมยากเสมอ ไม่มีใครเก่งตั้งแต่เกิดครับ
ค่อย ๆ พัฒนาวันละนิด แต่ทำทุกวัน ผมเชื่อว่า วันหนึ่งคุณจะเก่งขึ้นได้
ถ้าไม่เชื่อ ลองแปรงฟันโดยใช้มือข้างที่ไม่ถนัดทุก ๆ วัน
อย่าหลอกตัวเอง ลองทำตั้งแต่วันที่คุณอ่านบทความนี้จบ
ผมให้เวลา 2 เดือน ตอนนั้นคุณจะรู้เลยว่า ไม่ยากหากเราทำทุกวัน
การจะสร้างทัศนคติเชิงบวกได้นั้น ไม่ใช่แค่รู้จากการอ่าน การฟัง การดูเท่านั้นครับ
แต่มันจะเกิดขึ้นได้ คุณต้องสร้างสิ่งที่เรียกว่า การลงมือทำ เพื่อสร้างประสบการณ์
ให้เกิดมุมมอง แล้วนำมุมมองนั้นไปพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น
เพราะเมื่อไหร่ที่เราลงมือทำ ย่อมเกิดความเข้าใจ และรู้ว่าต้องปรับ แต่ง อย่างไร
ให้มันกลมกล่อม รู้แล้ว อย่าเก็บไว้ นำไปสร้างให้ตนเองเกิดมุมมอง
และแชร์มุมมองที่ดีนั้นส่งต่อให้ผู้คน และนั่นคือ ความสุขของการเป็นผู้ให้อย่างแท้จริงครับ