สิ่งที่สําคัญที่สุดในการลงทุน คือการคาดการณ์แนวโน้มของ Fed Fund Rate เพราะแนวโน้มของ Fed Fund Rate จะเป็นตัวที่จะบอกว่าตลาดมีทิศทางอย่างไร? หรือที่เรียกว่า " ตลาดจะอยู่ในสภาวะหมีหรือกระทิง? "
ในปีที่แล้วคือปี พ.ศ 2561 ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับฐานใหญ่เพราะ Fed ปรับตัวเพิ่มขึ้นถี่และมากจนเกินไปถึง 4 ครั้ง
ผู้โพสต์คาดการณ์ว่าตลาดจะคงอยู่ในสภาวะกระทิงต่อไปเพราะนโยบายการเงินมีการผ่อนคลาย โดยข้อมูลจากการประชุม Fed เมื่อวานนี้ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2562 ได้ข้อสรูปว่า :
1) Fed น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate เพียงครั้งเดียวในปีนี้คือในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ 2562
2) Fed น่าจะหยุดการลดงบดุลลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คือปี พ.ศ 2562
3) Fed น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate เพียงครั้งเดียวในปีหน้าคือปี พ.ศ 2563
4) จุดสูงสุดของดาวโจนส์น่าจะอยู่ประมาณปลายปี พ.ศ 2563 จากการ " ปั่น " ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนี้เพื่อให้ได้รับการเลือกตั้งให้กลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกสมัยหนึ่ง และเป็นประธานาธิบดีที่ดีที่สุดของสหรัฐอเมริกา
5) ฟองสบู่โลกน่าจะแตกในปี พ.ศ 2564 ( ตามการคาดการณ์ของ Ray Dalio )
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.bloomberg.com ) และ ( www.set.or.th )
2) ดาวโจนส์ปรับฐานใหญ่จาก 26,951 จุดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 มาทําจุดตํ่าสุดที่ 21,712 จุดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 หรือปรับตัวลดลง -19.44% ภายในระยะเวลา 2 เดือนเศษๆ
3) Set Index ปรับฐานใหญ่จาก 1,852 จุดเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 มาทําจุดตํ่าสุดที่ 1,546 จุดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 หรือปรับตัวลดลง -16.52% ภายในระยะเวลา 10 เดือน
4) และ ถ้าจะนับตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหนึ่งวันมาจนถึงจุดสูงสุดตลอดกาล
4.1) ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมา +47.01% ( 18,333 ( 8/9/2016 ) - 26,951 จุด ( 3/10/2019 ))
4.2) ส่วน Set Index ปรับตัวขึ้นมา +22.65% ( 1,510 ( 8/9/2016 ) - 1,852 จุด ( 27/2/2018 ))