Money channel
โบรกเกอร์ “กสิกรไทย” คาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงปรับฐานลงต่อ หลัง Fund Flow เริ่มอ่อนแรงลง ขณะที่หุ้นไทยขึ้นมาแพงแล้วก่อนหน้านี้ ประเมินกรอบ SET index ใน 12 เดือนข้างหน้าที่ 1,335-1,540 จุด อิงค่า PE ที่ 13-15 เท่า
นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย ให้ความเห็นว่า การปรับฐานแรงของตลาดหุ้นไทย เกิดจากความกังวลของนักลงทุน ที่มองว่าราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแพงแล้ว ซึ่งความกังวลนี้ ทำให้ผู้ลงทุน พร้อมที่จะเทขายอยู่ตลอดเวลา หากมีปัจจัยลบเข้ามา
นอกจากนี้ สัญญาณทางเทคนิคที่ยังเป็นลบสำหรับตลาดหุ้นไทย เพราะดัชนีฯ ไม่สามารถผ่าน 1,490 จุดไปได้ ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนพร้อมเทขายหุ้นออกมา
อย่างไรก็ตาม หากประเมินภาพของตลาดหุ้นไทยในอีก 12 เดือนข้างหน้า บล.กสิกรไทย มองว่า การไหลเข้าของ Fund Flow มีโอกาสชะลอตัวลง จากปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่จะเพิ่มขึ้นทั่วโลก แม้ปัจจัยในประเทศอย่างกำไรบริษัทจดทะเบียน จะยังเห็นการเติบโตที่ต่อเนื่องก็ตาม โดย “กสิกรไทย” มอง Forward P/E หุ้นไทย ไว้ที่ 13-15 เท่า หรือเทียบเท่ากับกรอบดัชนี 1,335-1,540 จุด
พร้อมกับมอง P/E ที่ระดับ 14 เท่า ซึ่งเท่ากับค่าเฉลี่ย หรือที่ดัชนี 1,438 จุด เป็นระดับที่เหมาะสำหรับการทยอยลงทุนเพิ่ม โดยให้น้ำหนัก 50% เป็นการซื้อหุ้น ส่วนที่เหลืออีก 50 % เป็นพอร์ตเงินสด ซึ่งหากดัชนีย่อตัวลงไปต่ำกว่านี้ ก็ให้ลดสัดส่วนการถือเงินสดลง แล้วหาจังหวะซื้อหุ้นเพิ่ม
ด้าน นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะอยู่ในภาวะผันผวนในทิศทางเชิงลบประมาณ 2-3 วัน แต่ไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะมีความเชื่อมั่นปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวเป็นลำดับ โดยเฉพาะตัวเลขภาคส่งออกที่ดีขึ้น รวมถึงการบริโภคในประเทศส่งสัญญาณฟื้นตัว ขณะที่ในมุมมองนักลงทุนต่างชาติยังเป็นบวกต่อการลงทุนในหุ้นไทย ภายหลังร่างรัฐธรรมนูญมีความชัดเจน และจะเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นในปี 2560 ตามโรดแม็ปที่รัฐบาลประกาศไว้
อย่างไรก็ตาม ให้จับตาปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐในเดือน ธ.ค.นี้ว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่