“อ.ทวีสุข” วิเคราะห์ Brexit กับระบบการเงินโลก เตือนไทยกลางปีหน้า ศก.ทรุด
“อ.ทวีสุข” ชี้อังกฤษเบรกซิต ส่งสัญญาณเศรษฐกิจยุโรปไปต่อลำบาก ส่วนเงินดอลล์เตรียมทรุดตัว พร้อมวิเคราะห์รัฐบาลไทยใส่เงินเข้าระบบ 3 แสนล้าน แต่โอกาสกลับมาน้อยมาก เตือนวันนี้อยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจแล้ว แต่กลางปีหน้าหนี้มหาศาลที่เป็นอยู่จะแสดงผลพร้อมกัน แนะ ปชช.เตรียมรับมือ ลดหนี้ให้มากที่สุด ประหยัด ถือสินทรัพย์ที่มีมูลค่า
วันที่ 10 ก.ย. 62 อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ได้ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “Brexit กับระบบการเงินโลก”
โดย อ.ทวีสุข กล่าวช่วงหนึ่งว่า บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ มีบุคลิกคล้ายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่รู้จะออกแนวเดียวกันไหม คือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้โลกประเมินทิศทางไม่ได้ รัฐสภาอังกฤษก็กังวลว่าการเบรกซิตแบบโนดีลจะมีผลกระทบมาก โดยเฉพาะในเครือสหราชอาณาจักร ถ้าเบรกซิตออกมาแล้วตรงนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง การยืดเยื้อตรงนี้อาจไปถึงหลังเลือกตั้งหรือต้นปีหน้า แล้วถ้าไม่จบจริงๆ คงยืดเยื้อต่อไปอีก
อ.ทวีสุขกล่าวอีกว่า เราได้เห็นสถานการณ์ที่ซ่อนอยู่ในเหตุการณ์นี้ คือ อังกฤษพร้อมที่จะทำอะไรที่นอกเหนือจากการคาดหมายของโลกได้ โดยการให้นายบอริส จอห์นสัน เข้ามา คิดว่าไฮไลต์ไม่ได้อยู่ที่จะดีลกับสหภาพยังไง แต่คงเป็นปัญหากันภายในอังกฤษเองว่าจะตกลงกันยังไง ท้ายสุดแล้วไม่ว่าจะออกมาแบบไหนก็ต้องเบรกซิตอยู่ดี อยู่ที่ว่าจะเป็นแบบไหนเท่านั้นเอง
อ.ทวีสุขกล่าวด้วยว่า ตอนนี้สหภาพยุโรปก็มีปัญหาใหญ่ ผลตอบแทนธนบัตรของยุโรปทั้งหมดถือว่าติดลบ โดยเฉพาะยุโรปตะวันตก คนส่วนใหญ่ฝากเงินไว้กับระบบตราสารหนี้ ธนาคาร แต่กลายเป็นว่าฝากแล้วติดลบ คนเหล่านี้ไม่มีผลตอบแทนจากการลงทุน จะทำให้รูปแบบการใช้จ่ายในยุโรปกระเตื้องน้อยลง ตอนนี้อยู่ได้อย่างเดียวคือรายได้จากนักท่องเที่ยวเอเชีย
ตอนนี้สหภาพยุโรปแช่แข็ง 10 ปีต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ธนาคารกลางยุโรปเองมีปัญหาขนาดใหญ่ การเข้าไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง พวกตราสารทางการเงิน อังกฤษหรือแม้แต่อิตาลีเองก็เห็นในประเด็นนี้ ว่าไม่สามารถตัดสินใจในชั่วข้ามคืนได้ หากเกิด Correlation ของตราสารทางการเงินทำงาน มันจะพังในชั่วข้ามคืนเลย เห็นจากปี 2008 สหภาพยุโรปต้องรอการประชุม ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้ อังกฤษเห็นมุมนี้แน่นอนว่ายุโรปยังไงก็ไปต่อลำบาก
อ.ทวีสุขกล่าวว่า การเบรกซิตแบบโนดีล ตอนนี้เราเห็นค่าเงินปอนด์อ่อนลงเรื่อยๆ คาดว่าปีหน้าจากเหตุการณ์ไม่แน่นอนค่าเงินปอนด์อาจลงไปที่ 36-34 บาทต่อปอนด์ แต่ค่าเงินปอนด์อ่อนลงเรื่อยๆ ตรงนี้เป็นผลดีต่ออังกฤษ เพราะเวลาอ่อน การย้ายสินทรัพย์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจากฮ่องกงหรือเมริกา เท่ากับขายสินทรัพย์ในอเมริกาบน Super Bubble ของอเมริกา แล้วเอาไปซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ Discount ของอังกฤษแทน
ประเด็นนี้ทุกคนไม่ได้มอง ล่าสุด นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ได้พูดอย่างมีนัยสำคัญมากว่า ระบบอาจต้องการระบบการเงินใหม่ ที่มีเสถียรภาพมากกว่าที่จะให้ดอลลาร์แล้วทำให้เกิดเงินเฟ้อ เพราะทำให้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่ม แต่รายได้ของคนไม่ได้ตามขึ้นไป เราเห็นได้จากเหตุการณ์ในฮ่องกง คนรุ่นใหม่ไม่สามารถมีทรัพย์สินได้เพราะราคาที่แพงมากขึ้น นายมาร์ค คาร์นีย์พูดเป็นนัยว่าโลกควรต้องมีระบบสำรองรองรับหากเกิดอะไรขึ้นกับดอลลาร์
อ.ทวีสุขกล่าวต่ออีกว่า ดอลลาร์ตอนนี้ค่าเงินอ่อนลงเรื่อยๆ ไม่สามารถดันเศรษฐกิจได้ ทุกคนถูกดันให้เกิดหนี้สิน จนกระทั่งการบริโภคไม่เกิดขึ้น ทำให้หนี้มหาศาลในระบบโลกเตรียมทรุดตัว ซึ่งทรัมป์ก็รู้ว่าต่อไปดอลล์จะทรุด ถึงทำสงครามการค้ากับจีนเพื่อที่ให้โรงงานกลับมาที่อเมริกา แต่ยังไม่ย้ายกลับเพราะค่าแรงมันแพง ฉะนั้นวิธีเดียวที่จะทำให้ค่าแรงอเมริกาถูก คือ ต้องทำค่าเงินตัวเองเสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างที่เคยแพงในอเมริกาจะถูกลงทันที
นี่คือเกมที่ทรัมป์วางไว้ ว่าต้องดึงทุกอย่างกลับมา ทำให้ค่าเงินเสื่อม ถึงจะได้มีการเทขายทรัพย์สินในอเมริกาซึ่งเป็นระดับ Super Bubble แล้วก็ย้าย Wealth กลับไปที่ลอนดอน ในขณะที่ลอนดอนทุกอย่างยังถูก Discount อยู่
เมื่อถามถึงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของไทย อ.ทวีสุขกล่าวว่า ถ้าปีหน้าค่าเงินบาทแข็งไปถึง 27-25 บาทต่อดอลล์ หนึ่งผู้ส่งออกกระทบ
สอง การท่องเที่ยวกระทบ ซึ่งตอนนี้เริ่มกระทบแล้ว เพราะโซนยุโรปค่าเงินอ่อน นักท่องเที่ยวเลยไปโซนนั้นแทน ปีหน้าจะชะลอมากขึ้นอีก การปล่อยกู้ของรัฐบาลรอบที่ผ่านมามหาศาลมาก ใส่ไปแล้วโอกาสกลับมาไม่เท่าไหร่ ชัดเจนสุดคือใส่เงินเข้าระบบ 3 แสนล้านซึ่งสามารถสร้างสุวรรณภูมิได้ 2 สนามบินมันหายไปเลย ไม่มีผลกลับมา แต่เราใช้เงินมหาศาล
“วันนี้มันหยุดแล้ว ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ ไม่รวมหนี้ครัวเรือนซึ่งมหาศาลมาก เศรษฐกิจไทยจะสู่ภาวะชะลอตัว ทีนี้ตัวหนี้ที่เป็นอยู่มันจะแสดงผลพร้อมๆ กันในกลางปีหน้า สิ่งที่จะทำได้พยายามลดหนี้ให้มากที่สุด ประหยัด ถือสินทรัพย์ที่มีมูลค่า วันนี้เราอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจแล้วแต่ผลยังไม่ออก ต้องวางแผนจัดการเพื่อที่จะผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้” อ.ทวีสุขกล่าวทิ้งท้าย
โดย อ.ทวีสุข กล่าวช่วงหนึ่งว่า บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอังกฤษ มีบุคลิกคล้ายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่รู้จะออกแนวเดียวกันไหม คือเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทำให้โลกประเมินทิศทางไม่ได้ รัฐสภาอังกฤษก็กังวลว่าการเบรกซิตแบบโนดีลจะมีผลกระทบมาก โดยเฉพาะในเครือสหราชอาณาจักร ถ้าเบรกซิตออกมาแล้วตรงนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง การยืดเยื้อตรงนี้อาจไปถึงหลังเลือกตั้งหรือต้นปีหน้า แล้วถ้าไม่จบจริงๆ คงยืดเยื้อต่อไปอีก
อ.ทวีสุขกล่าวอีกว่า เราได้เห็นสถานการณ์ที่ซ่อนอยู่ในเหตุการณ์นี้ คือ อังกฤษพร้อมที่จะทำอะไรที่นอกเหนือจากการคาดหมายของโลกได้ โดยการให้นายบอริส จอห์นสัน เข้ามา คิดว่าไฮไลต์ไม่ได้อยู่ที่จะดีลกับสหภาพยังไง แต่คงเป็นปัญหากันภายในอังกฤษเองว่าจะตกลงกันยังไง ท้ายสุดแล้วไม่ว่าจะออกมาแบบไหนก็ต้องเบรกซิตอยู่ดี อยู่ที่ว่าจะเป็นแบบไหนเท่านั้นเอง
อ.ทวีสุขกล่าวด้วยว่า ตอนนี้สหภาพยุโรปก็มีปัญหาใหญ่ ผลตอบแทนธนบัตรของยุโรปทั้งหมดถือว่าติดลบ โดยเฉพาะยุโรปตะวันตก คนส่วนใหญ่ฝากเงินไว้กับระบบตราสารหนี้ ธนาคาร แต่กลายเป็นว่าฝากแล้วติดลบ คนเหล่านี้ไม่มีผลตอบแทนจากการลงทุน จะทำให้รูปแบบการใช้จ่ายในยุโรปกระเตื้องน้อยลง ตอนนี้อยู่ได้อย่างเดียวคือรายได้จากนักท่องเที่ยวเอเชีย
ตอนนี้สหภาพยุโรปแช่แข็ง 10 ปีต่อจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ธนาคารกลางยุโรปเองมีปัญหาขนาดใหญ่ การเข้าไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยง พวกตราสารทางการเงิน อังกฤษหรือแม้แต่อิตาลีเองก็เห็นในประเด็นนี้ ว่าไม่สามารถตัดสินใจในชั่วข้ามคืนได้ หากเกิด Correlation ของตราสารทางการเงินทำงาน มันจะพังในชั่วข้ามคืนเลย เห็นจากปี 2008 สหภาพยุโรปต้องรอการประชุม ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้ อังกฤษเห็นมุมนี้แน่นอนว่ายุโรปยังไงก็ไปต่อลำบาก
อ.ทวีสุขกล่าวว่า การเบรกซิตแบบโนดีล ตอนนี้เราเห็นค่าเงินปอนด์อ่อนลงเรื่อยๆ คาดว่าปีหน้าจากเหตุการณ์ไม่แน่นอนค่าเงินปอนด์อาจลงไปที่ 36-34 บาทต่อปอนด์ แต่ค่าเงินปอนด์อ่อนลงเรื่อยๆ ตรงนี้เป็นผลดีต่ออังกฤษ เพราะเวลาอ่อน การย้ายสินทรัพย์ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจากฮ่องกงหรือเมริกา เท่ากับขายสินทรัพย์ในอเมริกาบน Super Bubble ของอเมริกา แล้วเอาไปซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ Discount ของอังกฤษแทน
ประเด็นนี้ทุกคนไม่ได้มอง ล่าสุด นายมาร์ค คาร์นีย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ ได้พูดอย่างมีนัยสำคัญมากว่า ระบบอาจต้องการระบบการเงินใหม่ ที่มีเสถียรภาพมากกว่าที่จะให้ดอลลาร์แล้วทำให้เกิดเงินเฟ้อ เพราะทำให้มูลค่าทรัพย์สินเพิ่ม แต่รายได้ของคนไม่ได้ตามขึ้นไป เราเห็นได้จากเหตุการณ์ในฮ่องกง คนรุ่นใหม่ไม่สามารถมีทรัพย์สินได้เพราะราคาที่แพงมากขึ้น นายมาร์ค คาร์นีย์พูดเป็นนัยว่าโลกควรต้องมีระบบสำรองรองรับหากเกิดอะไรขึ้นกับดอลลาร์
อ.ทวีสุขกล่าวต่ออีกว่า ดอลลาร์ตอนนี้ค่าเงินอ่อนลงเรื่อยๆ ไม่สามารถดันเศรษฐกิจได้ ทุกคนถูกดันให้เกิดหนี้สิน จนกระทั่งการบริโภคไม่เกิดขึ้น ทำให้หนี้มหาศาลในระบบโลกเตรียมทรุดตัว ซึ่งทรัมป์ก็รู้ว่าต่อไปดอลล์จะทรุด ถึงทำสงครามการค้ากับจีนเพื่อที่ให้โรงงานกลับมาที่อเมริกา แต่ยังไม่ย้ายกลับเพราะค่าแรงมันแพง ฉะนั้นวิธีเดียวที่จะทำให้ค่าแรงอเมริกาถูก คือ ต้องทำค่าเงินตัวเองเสื่อมค่าลงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างที่เคยแพงในอเมริกาจะถูกลงทันที
นี่คือเกมที่ทรัมป์วางไว้ ว่าต้องดึงทุกอย่างกลับมา ทำให้ค่าเงินเสื่อม ถึงจะได้มีการเทขายทรัพย์สินในอเมริกาซึ่งเป็นระดับ Super Bubble แล้วก็ย้าย Wealth กลับไปที่ลอนดอน ในขณะที่ลอนดอนทุกอย่างยังถูก Discount อยู่
เมื่อถามถึงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของไทย อ.ทวีสุขกล่าวว่า ถ้าปีหน้าค่าเงินบาทแข็งไปถึง 27-25 บาทต่อดอลล์ หนึ่งผู้ส่งออกกระทบ
สอง การท่องเที่ยวกระทบ ซึ่งตอนนี้เริ่มกระทบแล้ว เพราะโซนยุโรปค่าเงินอ่อน นักท่องเที่ยวเลยไปโซนนั้นแทน ปีหน้าจะชะลอมากขึ้นอีก การปล่อยกู้ของรัฐบาลรอบที่ผ่านมามหาศาลมาก ใส่ไปแล้วโอกาสกลับมาไม่เท่าไหร่ ชัดเจนสุดคือใส่เงินเข้าระบบ 3 แสนล้านซึ่งสามารถสร้างสุวรรณภูมิได้ 2 สนามบินมันหายไปเลย ไม่มีผลกลับมา แต่เราใช้เงินมหาศาล
“วันนี้มันหยุดแล้ว ไม่รวมอสังหาริมทรัพย์ ไม่รวมหนี้ครัวเรือนซึ่งมหาศาลมาก เศรษฐกิจไทยจะสู่ภาวะชะลอตัว ทีนี้ตัวหนี้ที่เป็นอยู่มันจะแสดงผลพร้อมๆ กันในกลางปีหน้า สิ่งที่จะทำได้พยายามลดหนี้ให้มากที่สุด ประหยัด ถือสินทรัพย์ที่มีมูลค่า วันนี้เราอยู่ในวิกฤตเศรษฐกิจแล้วแต่ผลยังไม่ออก ต้องวางแผนจัดการเพื่อที่จะผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้” อ.ทวีสุขกล่าวทิ้งท้าย
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก
