ห้องเม่าปีกเหล็ก

DBSV ย้ำ SET ปีนี้ 1,800 จุด ชูหุ้น เมตาเวิร์ส-EV-Healthcare เด่น

โดย อิคคิวซัง
เผยแพร่ :
49 views
DBSV ย้ำ SET ปีนี้ 1,800 จุด ชูหุ้น เมตาเวิร์ส-EV-Healthcare เด่น
 
 
* ย้ำเป้า SET ปีนี้ 1,800 จุด เน้นธีมลงทุนกลุ่มเมตาเวิร์ส - EV และ Healthcare
นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DBSV เปิดเผยในงานสัมนา สู่การลงทุนเหนือชั้น ฝ่ายุค Digital - Metaverse - EV ว่า เป้าหมายหุ้นไทยทั้งปี 65 ยังคงย้ำที่ 1,800 จุด โดยประเมิน P/E ที่ 18.9 เท่า ด้าน EPS ที่ 95.36 เติบโต 4%
.
โดยตั้งแต่ต้นปี 65 ถึง 12 เม.ย. 65 (YTD) นักลงทุนต่างชาติกลับมามียอดซื้อสุทธิ 1.1 แสนล้านบาท จากช่วง 5 ปีย้อนหลัง คือ ปี 60-64 นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิทุกปี รวมขายสุทธิสะสมเท่ากับ 6.7 แสนล้านบาท
.
สำหรับธีมการลงทุนในปีนี้ แนะนำเลือกลงทุน ธุรกิจในโลกอนาคต หรือเมตาเวิร์ส ซึ่งถือเป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรงทั่วโลก ธุรกิจที่รับประโยชน์จากยานยนต์ไฟฟ้า(EV) ที่มีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ (Healthcare) เนื่องจากสังคมสูงวัยที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าและบริการด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น กลุ่มธนาคารและประกันที่ได้อานิสงส์จากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น กลุ่มสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน รวมทั้งกลุ่มท่องเที่ยวที่ทยอยฟื้นตัว หากไม่มีโควิดสายพันธ์ใหม่ที่รุนแรงเข้ามาเพิ่ม
.
ส่วนตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 2/65 มองว่ายังมีโอกาสเคลื่อนไหวผผันผวนโดยมองกรอบแนวต้าน 1,700 จุด แนวรับประมาณ 1,600 จุด จากความกังวลภาวะเงินเฟ้อระดับสูง และเฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 3-4 พ.ค. นี้ ด้านสถานการณ์รัสเซียและยูเครนที่ยืดเยื้อ รวมถึงการขึ้นเครื่องหมายปันผล (XD) จำนวนมาก ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ระบาดต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาคการผลิตต่ำ ส่วนหนี้สินครัวเรือนยังสูง
.
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยสนับสนุนจากประเด็นเปิดประเทศ เงินสะพัดจากการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ และสงครามยูเครน-รัสเซียอาจส่งผลกระทบต่อไทยโดยตรงไม่มาก ซึ่งในไตรมาสนี้ยังแนะนำทยอยสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว ใน 7 ธีมหลักคือ ไฮเทค , EV , เปิดประเทศ , การบริโภค-ลงทุน , เฮลท์แคร์ , การเงิน , สาธารณสุข-ขนส่ง
.
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา นักวิเคราะห์ & กลยุทธ์ DBSV แนะนำหลักทรัพย์ได้ประโยชน์จาก 7 ธีมการลงทุนเด่นในช่วงไตรมาส 2/65 ได้แก่ AOT ซื้อ เป้า 75 บาท , MINT ซื้อ 40 บาท , PTT ซื้อ เป้า 57.50 บาท , GPSC ซื้อ เป้า 90 บาท , ADVANC ซื้อ เป้า 250 บาท , CPALL ซื้อ เป้า 72.25 บาท , BH ซื้อ เป้า 175 บาท และ BEM ซื้อ เป้า 10 บาท
.
* แนะถือหุ้น 50% - ตราสารหนี้ 31%
ส่วนนายธนวัฒน์ ปัจฉิมกุล ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนต่างประเทศ DBSV เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้ สำหรับประเทศขนาดใหญ่จะโตชะลอตัวลง จากการฟื้นตัวที่ดีในปี 64 อย่าง สหรัฐฯ จีน ยุโรป อินเดีย ส่วนเศรษฐกิจในหลายประเทศที่รับผลกระทบโควิด-19 ระบาดรุนแรงในปีก่อน จะเร่งตัวดีขึ้นในปีนี้ ทั้ง ญี่ปุ่น กลุ่มอาเซียน โดยให้จับตาปัญหาซับพลายเชน ที่เกิดจากการระบาดในจีนและฮ่องกง , ราคาน้ำมันฉุดการบริโภค และการปรับเปลี่ยนซับพลายเชนน้ำมัน
.
ด้านตลาดหุ้นจีนเพิ่มน้ำหนักเป็น Overweight หลังรัฐบาลประกาศหนุนเศรษฐกิจและหุ้นจีนราคาไม่แพง ด้านแนวโน้มเงินดอลลาร์แข็งค่าจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และสถานการณ์ในยูเครน-รัสเซียทำให้เม็ดเงินโยกเข้าสินทรัพย์ดังกล่าว โดยกรณีนี้จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่ขอบเขตความขัดแย้งจะขยายตัวไปถึงสวีเดนและฟินแลนด์หรือไม่
.
นอกจากนี้คาดว่า เฟดจะปรับดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.5% ปลายปีนี้ และ 3.5% กลางปี 66 สนับสนุนเงินเฟ้อในระดับสูง นอกจากนี้ฝ่ายวิจัย DBS คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 7 ครั้งในปี 65 และธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB จะหยุดทำคิวอี
.
โดยคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะเติบโต 3.5% ส่วนปีหน้า
จีดีพีขยายตัว 4.2% ส่วนประเทศสหรัฐฯ ประเมินว่าจีดีพีปีนี้โต 3% ส่วนปีหน้า 2% ด้านประเทศจีนประเมินจีดีพีปีนี้ 5.3% ปีหน้า 5% และประเทศในยุโรปจะมีอัตราการขยายตัวของจีดีพี 3% ขณะที่ปีหน้า 2.5%
.
อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมเศรษฐกิจจะได้รับผลลบจากราคาน้ำมันสูงและเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังฟื้นตัวต่อ จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ที่คลี่คลาย และการฟื้นตัวของภาคบริการเช่นการเดินทาง ท่องเที่ยว จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการขยายตัว
.
ทั้งนี้แนะนำพอร์ตการลงทุนเป็นหุ้น 50% , ตราสารหนี้ 31% , ลงทุนทางเลือกอื่น อย่างทองคำ หรือกองทุน 15% และเงินสด 4% ด้านสัดส่วนการลงทุนหุ้นแบ่งเป็นสหรัฐฯ 54% , ยุโรป 26% , หุ้นเอเชียยกเว้นประเทศญี่ปุ่น 16% และญี่ปุ่น 4%
.
* เส้นเทคนิคชี้ชัด Q2 เป็นขาลง อาจถึง 1,580 จุด
ด้านสัญญาญเทคนิค นายสมนึก จันทร์รัสมี ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ DBSV เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีหุ้นไทยในไตรมาส 2/65 มีทิศทางของการอ่อนตัวลงโดยมีแนวรับ ที่มีโอกาสถูกทดสอบจะอยู่ที่ระดับ 1640 ,1620 จุด หรืออาจถึง 1,600 -1,580 จุด
.
กลยุทธ์เก็งกำไร กรณีดัชนีสูงกว่า 1,700 จุด เน้นซื้อค่าบวก เพื่อลุ้นหรือรอขายที่แนวต้าน 1,710 - 1,720, และ 1,750 จุด แต่ถ้ากรณีดัชนีต่ำกว่า 1,700 จุด เน้นซื้ออ่อนตัวที่ 1,640 /1620 หรือ 1,600 -1,580 จุด เพื่อลุ้นรอขาย เมื่อมีการปรับขึ้นตามมา
.
* ชี้ทองต้องยืน 1,915 เหรียญให้อยู่ หากหวังขาขึ้นรอบใหม่
สำหรับตลาดทองคำ นายพงศ์ภัทร สิริพิพัฒน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ DBSV เปิดเผยว่า ทองคำปรับตัวลงควรมีแนวรับไม่ต่ำกว่า 1,960 - 1,915 ดอลลาร์/ออนซ์ จึงจะยังเป็นการแกว่งตัวขึ้น หากหลุดต่ำกว่าแนวรับสองจะพักฐานนานหรือจบรอบ ส่วนการขึ้นมีแนวต้านที่ 2,010 กับ 2,070 การทะลุ 2,070 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้จึงจะขึ้นรอบใหม่ ดังนั้นตอนนี้ยังแกว่งตัวในกรอบ
.
ขณะที่ ค่าเงินบาทระยะกลางหากทะลุ 34 บาท/ดอลลาร์ ได้จะขึ้นหรืออ่อนค่ารอบใหม่ หากพักฐานต้องไม่หลุดต่ำกว่า 33.2 บาท/ดอลลาร์ จึงแกว่งตัวขึ้นเพื่อทะลุ 34 บาท/ดอลลาร์ โดยส่วนต่างดอกเบี้ยของไทยกับสหรัฐ ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 6 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีและการทำ QT จะส่งผลให้บาททิศหลักยังเป็นการอ่อนค่าต่อเนื่อง ตอนนี้แกว่งตัวเพื่อรอทะลุ 34 บาท/ดอลลาร์
 

อิคคิวซัง