รู้สึกเหมือนมีคนพูดถึงหุ้น ICHI ชาเขียวของเสี่ยตันอยู่กระทู้หนึ่งแต่ผมหาไม่เจอแล้ว อยากเอามาโพสบอกหน่อยว่านักวิเคราะห์เขาแนะขายนะครับ
เอามาจาก Efinance Thai ใครสนใจจะลองอ่านดูก็ได้ http://www.efinancethai.com/LastestNews/index.aspx?id=9J4bYX%2FTT34%3D&year=2016&month=12&lang=T&security=ICHI
บล.ทิสโก้ ระบุว่า ได้ปรับลดประมาณการกำไรของ ICHI ลง เพราะเดิมทีคาดว่ากำไรปีนี้จะลดลงเพียง 10% แต่ 9 เดือนที่ผ่านมา กำไรของบริษัทลดลงไปถึง 44% จึงปรับประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 60-61 ลดลงจากคาดการณ์เดิม 36% และ 34% ตามลำดับ และปรับรายได้ลดลงจากคาดการณ์เดิมปีละ 16% สะท้อนยอดขายที่ลดลงมากกว่าที่คาดไว้เนื่องจากการแข่งขันเครื่องดื่มที่รุนแรงและมีหลากหลายมากขึ้น รวมถึงกระแสความนิยมชาเขียวลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีนี้
คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นปี 60-61 จะอยู่ที่ 27% จากคาดการณ์เดิมที่ 33% เนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ลดลงตามยอดขายและการทำการตลาดด้านราคามากขึ้น และคาดว่ากำไรปีนี้จะลดลงถึง 42% จากปีก่อน แต่ยังเชื่อว่ากำไรจะเริ่มเพิ่มขึ้นในปี 60 ราว 12% จากการที่ ICHI หากลยุทธ์ใหม่ๆ ด้วยการปรับเพิ่มขนาดหลากหลาย การออกรสชาติใหม่ๆ และเพิ่มกลุ่มสินค้าน้ำผลไม้ 100% และน้ำผลไม้ส่วนผสมต่ำกว่า 10% เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ส่วนบริษัทร่วมทุนที่อินโดนีเซีย คาดจะยังคงรับส่วนแบ่งขาดทุนใน 2 ปีนี้ เนื่องจากอยู่ในช่วงทำการตลาดแนะนำสินค้าใหม่
โดยภาพรวม ยังคงคำแนะนำ “ขาย” หุ้น ICHI จากการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงกระแสความนิยมเครื่องดื่มชาเขียวในประเทศเริ่มอิ่มตัว ทำให้อัตรากำไรเติบโตลดลง โดยให้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 60 อยู่ที่ 8 บาท อ้างอิง P/E Sector ที่ 20 เท่า โดยราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PEG ปี 60 สูงถึง 2 เท่า และผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นปี 60 ที่ 8% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มเครื่องดื่มที่ 24%
อย่างไรก็ตาม มองว่าบริษัทยังมีโอกาสจาก การเริ่มทำการตลาดน้ำผลไม้ได้รับการตอบรับดีกว่าคาด และยอดขายที่อินโดนีเซียเริ่มเป็นที่นิยม
เช่นเดียวกับ บล.ซีไอเอ็มบี ซึ่งมองว่า ICHI รายงานกำไรสุทธิน่าผิดหวังในไตรมาส 3/59 ที่ผ่านมา โดยอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 19.6% และอัตรากำไรสุทธิเหลือ 2.9% หรือต่ำสุดในรอบสี่ปี โดยสาเหตุเกิดจากกลยุทธ์การตั้งราคาขายที่ผิดพลาดในไตรมาส 2/59
ช่วงที่เหลือของปีนี้ มองว่าผลกำไรของ ICHI จะยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากผลิตภัณฑ์ล่าสุดที่เปิดตัวในไตรมาส 3/59 ยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค จึงยังคงคำแนะนำ "ขาย" หลังปรับลดประมาณการกำไร ให้ราคาเป้าหมาย 8.40 บาท