คัด 4 หุ้นผลประกอบการจะโดดเด่น
เมื่อไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ

.
ช่วงสุดท้ายของปี 2565 กันแล้ว Wealthy Thai ได้รวบรวมหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลบวกกับช่วงไตรมาส 4 ที่ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งจะทำให้ผลงานในช่วงนี้ออกมาอย่างโดดเด่น โดยจะมีหุ้นอะไรกันบ้าง บทความนี้มีคำตอบให้นักลงทุนแล้ว
.
สะท้อนจากมุมมองของนักวิเคราะห์บล. ธนชาต ที่มีการประเมินว่า ส่อง 4 หุ้นที่กำลังเข้าสู่ช่วง High season ในไตรมาส 4 โดยเริ่มจาก JMT (ราคาเป้าหมาย 90 บาท) คาดกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 4/65 ที่ 688 ล้านบาท เติบโต 44%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 51% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากการจัดเก็บหนี้ได้มากขึ้น หลังเศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว ขณะที่ JVAMC ที่ร่วมกับ KBANK ประสบความสำเร็จในการเก็บหนี้ คาดได้ส่วนแบ่งกำไร 71 ล้านบาทในปีนี้ มองราคาอยู่ในโซนต่ำ เพิ่งเริ่มฟื้นตัวทะลุ EMA 200 วัน
.
HMPRO (ราคาเป้าหมาย 18 บาท) เข้าสู่ช่วง High season ช่วงปลายปี ด้านกำไรปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก Margin สินค้า Private label ขณะที่ถ้าอิงกับยอดขายบ้านที่เร่งตัวในปีนี้ น่าจะส่งผลให้ยอดขายสินค้าตกแต่งบ้านปรับเพิ่มได้ดีหลังจากนี้
.
AOT (ราคาเป้าหมาย 85 บาท) จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน พ.ย. Breakeven แล้ว ซึ่งหมายความว่า AOT เริ่มทำกำไรแล้ว ขณะที่ราคาต่ำฐานบริเวณแนวรับ เป็นโอกาส “ซื้อสะสม”
.
COM7 (ราคาเป้าหมาย 41 บาท) คาดกำไรทำสถิติใหม่ในไตรมาส 4/65 ตามการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นอีกปัจจัยหนุน รวมถึงการขยายสาขาทำให้สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นอีก ขณะที่คาดว่าจะเป็นหุ้นที่ถูกนำกลับเข้ามาคำนวณใน SET50 รอบถัดไป
.
สำรวจปัจจัยพื้นฐาน
บล. ธนชาต กล่าวว่า JMT กำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น พร้อมกับแนวโน้มที่สดใสของ JVAMC ที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ โดยรวมส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมค้า แต่ปรับลดประมาณการของเราลงเพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นของ JMT ด้วยคาดว่า EPS จะเติบโตเฉลี่ย 3 ปีที่ 35% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 90 บาท
.
เนื่องจากการกลับมาเปิดประเทศ และกิจกรรมทางธุรกิจกลับมาใกล้ปกติ JMT จึงจัดเก็บหนี้ได้เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนใน 9 เดือนปีนี้ด้วยไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่น บริษัท จึงน่าจะบรรลุเป้าหมายทั้งปีได้อย่างแน่นอนที่ 5 พันล้านบาท
และคาดว่าการจัดเก็บหนี้อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/65 ซึ่งจะทำให้การจัดเก็บหนี้รวมอยู่ที่ 5.7 พันล้านบาท ในปี 65 ด้วยพอร์ตหนี้ที่ซื้อมาบริหารและหนี้ที่ตัดต้นทุนหมดแล้ว (Fully amortized) อยู่ที่กว่า 5.0 หมื่นล้านบาท หรือ 20% ของ NPL ทั้งหมดในมือ คาดว่ากำไรไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 688 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสก่อน คาดปีนี้มีกำไรสุทธิ 1,944 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนอยู่ที่ 1,400 ล้านบาท
.
HMPRO บล. หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมปี2566 ที่ 16.40 บาท HMPRO มีแผนขยายฐานลูกค้าเพิ่มทั้งช่องทางการจัดจำหน่ายในรูปแบบผ่าน online และผ่าน Market Place ซึ่งค่อนข้างได้รับการตอบรับดี โดยเน้นขายสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นดี
.
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการเบื้องต้นในไตรมาส 4/65 ยังทำ ได้ดีต่อเนื่อง จากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น อย่างไรก็ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อาจทำได้น้อยกว่า เพราะฐานสูง และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากการเปิดสาขาใหม่และการจัดกิจกรรมทางการตลาด
.
ขณะที่ยอดขายมีปัจจัยหนุนจากช่วง High season การเข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ทำให้สินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับความนิยมในช่วงปลายปี รวมถึงการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศช่วยหนุนแรงซื้อจากผู้ประกอบการร้านอาหารและโรงแรม คาดปี 65 มีกำไรที่ 5,901 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 5,441 ล้านบาท
.
AOT บล. เอเซียพลัส กล่าวว่า แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 80 บาท ประเมินการดำเนินงานขยายตัวตลอด 2 ปีข้างหน้า อีกทั้งเป็นประตูสู่ประเทศไทย ในฐานะผู้บริหารสนามบินหลักของไทย เลือกเป็น Top pick กลุ่มฯ คู่กับ CENTELและ MINT ภาพรวมคงมุมมองการดำเนินงานมีพัฒนาการดีขึ้นต่อเนื่องตลอดครึ่งแรกปี 66 (ต.ค. 65 – มี.ค. 66) ตามการฟื้นตัวของผู้โดยสาร หนุนต่อรายได้ที่เกี่ยวกับการบินและรายได้เชิงพาณิชย์
.
COM7 บล.พาย กล่าวว่า เชื่อว่าไตรมาส 4 จะโตเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน แต่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการขาดแคลน iPhone 14 จากการล็อกดาวน์โรงงาน Foxconn ในจีน โดยทาง Apple ประกาศว่าลูกค้าต้องรอสินค้านานกว่าคาด ส่วน Reuters รายงานว่าการผลิต iPhone 14 อาจลดลง 30% (พ.ย.65) แต่เชื่อว่าอุปสงค์จะยังมีอยู่และได้รับการเติมเต็มในไตรมาส 1/66 แทน แนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 45 บาท