ระวังลูกหลงโดนจีนทุ่มตลาด
ม.หอการค้าไทยเตือนรัฐรับมือผลข้างเคียง
สินค้าไทย 5 แสนล้านจ่อโดนลูกหลงมะกัน ด้านอธิการบดี ม.หอการค้าไทยชี้ “ทรัมป์” อย่ามองแต่ขาดดุลการค้า 16 ประเทศอย่างเดียว ต้องมองถึงผลประโยชน์ของมะกันที่ลงทุนทั่วโลก ชี้แม้มะกันขาดดุลการค้าแต่รายได้จากการส่งออกเข้ากระเป๋าทุน
มะกันหมดเชื่อไทยคงไม่โดนยาแรง เหตุไทยส่งออกสินค้าจำเป็นแนะรัฐบาลไทยตั้งรับสินค้าจีนทุ่มตลาดด้วย
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกคำสั่งพิเศษให้ตรวจสอบสาเหตุการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯกับ 16 ประเทศรวมถึงไทยว่า ในความเป็นจริงสหรัฐฯขาดดุลการค้ามานานเกินกว่า 30 ปีแล้ว เพราะสหรัฐฯไม่ได้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค จึงต้องนำเข้าจำนวนมาก อย่างไรก็ตามในทางเศรษฐกิจ ไม่ได้พิสูจน์ว่าการขาดดุลการค้าจะบั่นทอนการเติบโตทางเศรษฐกิจ เพราะยุคนี้การจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการค้า ไม่ใช่ดูที่ดุลการค้าอย่างเดียว ต้องดูที่การลงทุนด้วย ซึ่งทุนสหรัฐฯได้เข้ามาลงทุนในไทยมหาศาล
“มองว่า กรณีนี้เป็นเรื่องของการหาเสียงที่นายทรัมป์จะเน้นผลประโยชน์ของอเมริกา (America First) มาตั้งแต่แรกเป็นการแก้ปัญหาของประเทศแบบนักธุรกิจเอาแค่ตัวเองรอด ประเทศรอด ไม่มองถึงภาพรวมที่ผ่านมาว่าสหรัฐฯออกไปหาประโยชน์ในโลกนี้เท่าไรแล้ว เขาคิดว่าขาดดุลประเทศอื่นๆ แต่รายได้จากการส่งออกกลับเข้าบริษัทข้ามชาติสหรัฐฯที่ลงทุนประเทศอื่น แม้แต่ทรัมป์เองก็ไปลงทุนในต่างประเทศ ถ้าทรัมป์ใช้นโยบายกีดกัน ประเทศนี้จะต้องถูกบิดเบือนไม่มีการค้าเสรีอีกต่อไป”
อย่างไรก็ตามมองว่าที่ไทยติดร่างแห แต่ไม่ได้เป็นประเทศเป้าหมายที่สหรัฐฯต้องการจัดการ แต่ถือว่าเป็นโอกาสดีที่ไทยจะต้องเร่งรีบแก้จุดอ่อนที่เป็นประเด็นปัญหากับสหรัฐฯ โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และปัญหาแรงงาน แต่สิ่งที่ไทยไม่ได้ทำคือการใช้นโยบายค่าเงินอ่อน เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการค้ากับสหรัฐฯ
สำหรับสินค้าไทยที่อาจได้รับผลกระทบครั้งนี้ เช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน, ยานยนต์และส่วนประกอบ, ยางพาราและผลิตภัณฑ์, อัญมณีและเครื่องประดับ, อาหารทะเล ซึ่งจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงจากการส่งออกไปสหรัฐฯโดยตรง และผลกระทบทางอ้อมเพราะไทยส่งออกสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จไปจีน หากสหรัฐฯใช้มาตรการกีดกันการนำเข้ากับจีน ขณะเดียวกัน ไทยอาจได้รับผลกระทบจากการทุ่มตลาดสินค้าของจีนด้วย
“ถ้าสหรัฐฯกีดกันการนำเข้าจากจีน จะทำให้จีนต้องหาตลาดส่งออกอื่นทดแทนสหรัฐฯ และอาจนำสินค้าเหล่านั้นมาขายแบบทุ่มตลาด (ขายต่ำกว่าทุน) ในประเทศอื่นรวมถึงไทย ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตสินค้าไทยได้รับผลกระทบ รัฐบาลต้องเตรียมแผนรับมือให้ดี นอกจากนี้ เป้าหมายอันดับรองๆลงไปคือญี่ปุ่น เยอรมนี เม็กซิโก เวียดนาม ซึ่งไทยต้องดูว่าสินค้าของประเทศเหล่านี้อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของไทยอย่างไร ถ้าโดนเล่นงานก็เหมือนไทยโดนด้วย”
นายนริศ สถาผลเดชา ผู้อำนวยการอาวุโส ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ได้มีการจับตาสินค้าส่งออกของไทย
8 กลุ่ม ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าเพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ ได้แก่ สินค้าประเภทอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ สัตว์น้ำ ยาง และล้อรถยนต์ เครื่องประดับและอัญมณี ผลไม้กระป๋อง อุปกรณ์ถ่ายภาพ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วน และยางธรรมชาติ โดยคิดเป็นมูลค่าส่งออก 14,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่า 5.1 แสนล้านบาท หรือ 6.8% ของการส่งออกไทยทั้งหมด
“ทั้ง 8 กลุ่มเป็นสินค้าที่สหรัฐฯขาดดุลกับไทยมากและมีการนำเข้าจากไทยเป็นสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับการนำเข้าสินค้าชนิดนั้นทั้งหมด โดยรูปแบบการใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับไทย อาจมาในรูปแบบต่างๆ อาทิ การขึ้นภาษีนำเข้า การกำหนดโควตานำเข้า”.