ห้องเม่าปีกเหล็ก

ชวดโอกาส… หากสงครามการค้ายุติ

โดย Sunnyday
เผยแพร่ :
81 views

หลายประเทศชวดโอกาสทำตลาด… หากสงครามการค้ายุติ

คอลัมน์ เลียบรั้วเลาะโลก

โดย ขวัญใจ เตชเสนสกุล EXIM BANK

การปรับขึ้นภาษีนำเข้าระหว่างสหรัฐกับจีนรอบล่าสุดจาก 10% เป็น 25% มูลค่ารวมกันกว่า 2.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการที่สหรัฐอาจห้ามไม่ให้บริษัทเทคโนโลยีของตนทำธุรกิจกับบริษัทของจีนนั้น ได้สร้างความผิดหวังให้หลายฝ่ายที่แอบลุ้นให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากันให้ได้โดยเร็ว

 

เพราะกว่า 1 ปี ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง และเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้เศรษฐกิจโลกในปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัวต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี จากการคาดการณ์ของ IMF

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตในอีกแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจว่า อาจมีผู้ผลิตสินค้าบางประเภทที่เสียประโยชน์หากสงครามการค้ายุติ เนื่องจากเงื่อนไขสำคัญประการหนึ่งที่จะยุติสงครามการค้า คือ “จีนต้องนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น” ซึ่งหากมีผลจริง จะทำให้ประเทศที่เคยได้ประโยชน์จากที่จีนหันมานำเข้าสินค้าแทนที่สหรัฐ ในช่วงที่เกิดสงครามการค้าจะกลายเป็นผู้เสียประโยชน์ทันที อาทิ

-อุตสาหกรรมการบินของยุโรป Airbus ถือเป็นบริษัทร่วมทุนของหลายประเทศในยุโรป (อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปน) ที่เป็นคู่แข่งโดยตรงกับบริษัท Boeing ของสหรัฐ อาจเสียประโยชน์อย่างมากหากสงครามการค้ายุติ สังเกตได้จากในช่วงเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา จีนได้ยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้งไปบางส่วน และหันไปสั่งซื้อเครื่องบินจาก Airbus แทนเป็นมูลค่ากว่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น หากสงครามการค้าสิ้นสุด แน่นอนว่าจีนอาจกลับมาซื้อเครื่องบินจากโบอิ้งแทน Airbus ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของยุโรปไปจีนค่อนข้างมาก เนื่องจากเครื่องบินถือเป็นสินค้าส่งออก Top 5 ที่ยุโรปส่งออกไปจีน

-ผู้ผลิตสินค้าเกษตรในอเมริกาใต้ สงครามการค้าที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ผลิตสินค้าเกษตรในสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ข้าวสาลี ธัญพืช ซึ่งถือเป็นฐานเสียงหลักของประธานาธิบดีทรัมป์ ทั้งนี้ สินค้าข้างต้น สหรัฐเป็นผู้ผลิตอันดับต้น ๆ ของโลก และพึ่งพาตลาดจีนเป็นอันมาก ที่ผ่านมาจีนหันไปนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศในทวีปอเมริกาใต้ แทนการนำเข้าจากสหรัฐ สะท้อนจากช่วงไตรมาส 1 ปี 62 จีนนำเข้าถั่วเหลืองจากบราซิลและอาร์เจนตินาเพิ่มถึง 64% และ 2,541% ตามลำดับ สวนทางกับการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐ ที่หดตัวถึง 80%

นอกจากนี้ ผู้ผลิตข้าวสาลีและธัญพืชจากแคนาดา ออสเตรเลีย ปากีสถาน เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากจีนปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งหากจีนต้องทำตามเงื่อนไขที่จะเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ ก็จะทำให้ผู้ผลิตสินค้าประเทศต่าง ๆ เสียประโยชน์ได้

-ธุรกิจพลังงานในตะวันออกกลางและรัสเซีย การที่สหรัฐขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติอันดับ 1 ของโลก ภายหลังการค้นพบ shale oil ขณะที่จีนเป็นประเทศผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้ธุรกิจพลังงานเป็นสินค้าเป้าหมายหนึ่งที่ถูกใช้เป็นข้อต่อรองที่จะให้จีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น ซึ่งหากสงครามการค้ายุติลง และจีนต้องหันมานำเข้าพลังงานจากสหรัฐ แทนเจ้าตลาดเดิมอย่างกลุ่มประเทศ OPEC และรัสเซีย มากขึ้น ก็อาจทำให้เศรษฐกิจของสองประเทศดังกล่าวที่พึ่งพาการส่งออกพลังงานเป็นหลักได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย

ในส่วนประเทศไทย ก็มีสินค้าบางประเภทที่เข้าข่ายและได้ประโยชน์จากการเข้าไปแย่งส่วนแบ่งตลาดจีน ที่เดิมเป็นของสหรัฐ อาทิ อาหารทะเล ซึ่งช่วงไตรมาสแรกปี 62 จีนนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นถึง 84% ขณะที่จีนนำเข้าอาหารทะเลจากสหรัฐหดตัวถึง 40% นอกจากนี้ยังมีผลไม้และเครื่องสำอางบางชนิดของไทยที่มีแนวโน้มเข้าไปเป็นทางเลือกในตลาดจีนมากขึ้น หลังสินค้าบางส่วนของสหรัฐเผชิญกับภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น

ที่เล่ามานี้เป็นการให้ภาพในอีกมุมมอง ซึ่งแม้ว่าผู้ผลิตบางรายจะได้ประโยชน์จากสงครามการค้าอยู่บ้าง แต่หากมองในภาพรวมแล้ว สงครามการค้าที่ยืดเยื้อไม่น่าจะเป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจและการค้าโลก เนื่องจากการทำสงครามราคาผ่านการปรับขึ้นภาษีจะไม่ก่อให้เกิดการแข่งขันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างแท้จริง และไม่ก่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

 

Disclaimer : คอลัมน์นี้เป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของ EXIM BANK

 

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหา่ข้อมุลจาก


Sunnyday