หากถ้าในตลาดหุ้นไทยจะมีใครสักคนที่ Cut loss บ่อยที่สุด เรามั่นใจว่า 1 ในนั้นคงเป็นเราอย่างแน่นอน เพราะตลอด 10 ปีที่เล่น TFEX มา เรา Cut Loss ไปไม่ต่ำกว่าพันครั้ง และเห็นคนที่ผิดพลาดกับการ Cut Loss มาไม่ต่ำกว่าร้อยคน โดยทุกครั้ง, ทุกเหตุการณ์เราเข้าใจเป็นอย่างดีว่า “มันเจ็บปวดแค่ไหน” และเพื่อทำให้ปัญหานี้เกิดขึ้นกับนักลงทุนน้อยที่สุด เราจึงอยากถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ทั้งหมดผ่านบทความนี้ โดยรับรองว่าใครที่อ่านจบและปฏิบัติตามได้ พวกท่านจะประสบความสำเร็จในการ Cut Loss
ในทุกครั้งที่พวกท่านไปฟังสัมมนาหรืออ่านตำราเล่มใดก็ตามที่เกี่ยวกับการเก็งกำไร หนึ่งในเนื้อหาสำคัญที่ต้องถูกพูดถึงและกำชับให้ทุกคนปฏิบัติตาม คือ “การ Cut loss” โดยแทบทุกคนต่างก็พยักหน้าและแสดงความเห็นด้วยกับมันทั้งสิ้น แต่ก็เป็นเรื่องตลกร้ายนะครับ ที่ในทุกวันนี้นักเก็งกำไรที่เจ๊งเกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเพราะว่า พวกเขาไม่ Cut loss !!? เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมสิ่งที่ทุกคนมั่นใจว่าสำคัญที่สุด กลับกลายเป็นสิ่งที่ฆ่านักลงทุนมากที่สุด เราจะอธิบายให้พวกท่านฟังผ่านความรู้สึกที่ไม่มีตำราเล่มไหนได้บันทึกเอาไว้
ปัญหาใหญ่ที่สุดของการ Cut loss คืออะไร
“ก็เพราะพวกเขาไม่ยอม Cut ไง” นี้คงเป็นคำตอบแบบตรงไปตรงมาที่น่าจะถูกต้องมากที่สุด แต่เราอยากให้ทุกท่านลองทบทวนอีกสักรอบ ว่าเป็นแบบนั้นจริงหรือ? สิ่งที่ถูกบังคับให้ปฏิบัติในแทบทุกสำนัก หรือแม้แต่ขนาด Search Google ยังมีแต่บทความแนะนำ มีหรือที่ยังเหลือคนไม่เชื่อ ไม่เอาหน่า ลองให้เครดิตกับวิจารณญาณของมนุษย์ทุกคนเท่าตัวเราเองดูครับ ขนาดท่านยังรู้เลยว่าต้องทำ แล้วทำไมคนเหล่านั้นเขาจะไม่รู้ ดังนั้น เราจะบอกความจริงให้ว่า นักเก็งกำไรทุกคนเขาเคยผ่านการ Cut Loss มาหมดแล้ว เพียงแต่เกือบทั้งหมด “ไม่เคยสมหวังกับมัน” เลยทำให้พวกเขาเลือกที่จะไม่ทำอีก ซึ่งนี้แหละคือ ปัญหาที่แท้จริงของการ Cut Loss ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่ยอม Cut แต่ พวกเขาไม่สามารถใช้มันได้อย่างต่อเนื่อง
พวกท่านเชื่อเรื่อง “รู้ว่าดี แต่ทำไม่ได้” กันไหมครับ
“ในโลกของการลงทุนยังมีหลักการอีกมากมาย ที่เป็นหลักการที่ดี แต่มันไม่ง่ายที่นักลงทุนจะปฏิบัติตามได้ ซึ่งการ Cut Loss ก็เป็นหนึ่งในนั้น” พวกท่านเห็นด้วยกับข้อความนี้หรือไม่? อันที่จริงข้อสรุปในพารากราฟก่อนของเราคงไม่ถูกต้องนัก เพราะมันไม่ใช่พวกเขาไม่สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถ “ทน” ใช้ได้อย่างต่อเนื่องต่างหาก สอดคล้องกับประโยคที่กล่าวไว้ไหม? ดังนั้นสรุปแล้ว ทุกคนต่างรู้ว่าการ Cut Loss เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ทนทำกันไม่ได้
“ไร้สาระครับ” นี่มันเกมการเงินนะ มีหรือที่จะมีคนค้นพบว่าสิ่งนี้ดีแต่เลือกที่จะไม่ทำ? เราอยากลองให้ทุกท่านไตร่ตรองแบบไม่หลอกตัวเอง ว่าการที่ท่านกำลังลังเลกับการ Cut Loss แท้จริงแล้ว ท่านคิดว่ามันดี หรือ “มันไม่ดี” กันแน่ เราเชื่อว่าร้อยทั้งร้อยในขณะนั้น ทุกคนคงคิดสารพัดข้ออ้างอย่าง “ไม่ต้องคัทหรอก เดียวก็ดีด”, “คัทไปก็ขาดทุนปล่อยลุ้นดีกว่า”, “คัทไป 3-4 รอบแล้ว รอบนี้เดียวเจ้าก็ลากกลับ” มาใช้เป็นเหตุผลในด้านลบให้กับการ Cut loss และซัพพอร์ตให้ละเลยมัน สุดท้ายพอเจ๊ง ค่อยย้อนกลับไปดูถึงรับรู้ว่า “มันดี” แต่ก็สายไปแล้ว ดังนั้น ไม่มีจริงหรอกครับ กับคำว่า ดีแต่ทำไม่ได้ เพราะแท้จริงแล้ว มันไม่ดีอย่างที่พวกท่านคิด เลยทนทำต่อทำไม่ได้ ต่างหาก และนี้คือรากเหง้าของปัญหาที่ทำให้ทุกคนหันหลังให้กับการคัทลอส โดยถ้าเข้าใจกันแล้ว เราจะเล่า Case Study สุดคลาสลิกของคนเกือบทั้งหมดที่ล้มเหลวจากการ Cut Loss โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้
Step 1 : การ Cut Loss ผิดตั้งแต่นิยาม
“การ Cut Loss หมายถึง การตัดสินใจขายสินทรัพย์ทิ้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนมากกว่านี้” อันที่จริงทุกคนเองก็เป็นเหยื่อที่ถูกสปอยโดยตำราและวิทยากร เพราะพวกเขามักถ่ายทอดให้ Cut Loss เป็นเครื่องมือที่วิเศษเกินจริง งงกันไหมครับ? กับแค่นิยามบรรทัดเดียวทำไมเราถึงบอกมันดูดีเกินไป ถ้าพวกท่านไม่เชื่อ งั้นลองถามตัวเองดูอีกสักรอบ ว่าในทุก ๆ ครั้งที่ตัดสินใจ Cut Loss ไปแล้ว ท่าน "คาดหวัง" ว่าอนาคตราคาต้องเป็นแบบใด ใช่แบบในรูปนี้หรือไม่
รูปแสดงผลลัพธ์ของการ Cut Loss ในอุดมคติ
นี่เป็นรูปใน Slide ของวิทยากรและหน้าหนังสือต่าง ๆ ที่สอนเกี่ยวกับการ Cut loss โดยจะเห็นว่าเมื่อขายทิ้งไปแล้ว ราคาไหลลงแรง ทำให้เรารู้สึกภูมิใจที่ได้รอดพ้นจากการขาดทุนหนักในครั้งนั้น และภาพนี้ก็ติดอยู่ใน Memory ของทุกท่าน โดยคาดหวังว่าในสถานการณ์จริง เมื่อทำการ Cut ไปแล้ว จะต้องดูหล่อแบบนี้บ้าง แต่รู้ไหมครับ ในสถานการณ์จริงเมื่อพวกท่าน Cut Loss มันจะเป็นภาพนี้
รูปแสดงผลลัพธ์ของการ Cut Loss ในความจริง
“คัทแล้วดีด, คัทแล้วดีด, คัทแล้วดีดอีกแล้ว !” จริงไหมครับ ว่าในการ Cut Loss แทบทุกครั้งของพวกท่านมักจะเจอกับเหตุการณ์อย่างรูปด้านบน ซึ่งมันตรงข้ามกับที่ได้เรียนรู้มา แล้วทีนี้พวกท่านเชื่อเราหรือยังว่า นักลงทุนถูกปลูกฝังให้เข้าใจเรื่อง Cut Loss ดูดีเกินจริง จากนั้นเมื่อความจริงที่ปรากฏมันไม่ Match กับความความหวังในหัว พวกท่านจะเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2
Step 2 : ลังเลกับการ Cut Loss
เราขอยืนยันว่าคนที่ใช้ Cut loss ทุกคน ต้องเจอกับภาพด้านบน (คัทแล้วดีด) บ่อยกว่าภาพแรก (คัทแล้วไหล) และเราทราบดีว่าบางครั้งการเห็นราคาดีดกลับมันน่าแค้นใจมากกว่าเงินที่เสียไปซะอีก พอทุกคนเริ่มมีอารมณ์แบบนี้ก็จะเริ่มหวั่นไหว Panic ทั้งโทษเรื่องโชคลาภและเวรกรรม เช่น “ทำไมเราซวยแบบนี้ ที่ต้องมาคัทติดๆ กัน”, ”ไปทำกรรมอะไรมา ทำไมคัทแล้วต้องดีดใส่หน้า” และสุดท้ายพออารมณ์พวกท่านเริ่มหวั่นไหว ก็จะเกิดคำถามขึ้นในหัวทันทีว่า …
สรุปแล้วการ Cut Loss ดีจริงหรือ?
ใครที่เริ่มมีความขัดแย้งนี้เกิดขึ้นในหัวเมื่อไหร่ จงพึงระวังไว้ เพราะในตอนนี้ตัวท่านเองกำลังเดินไปพบกับประตูสู่หายนะ ทีนี้ก็ขึ้นกับว่าท่านจะเปิดมันออกหรือไม่ ซึ่งหากถ้าท่านเลือกตัดสินใจ ไม่ Cut Loss เป็นครั้งแรก ให้รู้ไว้ว่าท่านได้เปิดประตูเข้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะจุดจบที่กำลังรออยู่จะมี 2 กรณี ดังนี้
***** เชื่อพวกเรานะครับ มนุษย์ร้อยละ 95 เมื่อผนวก 2 เหตุการณ์รวมกันทั้งความผิดหวังที่ Cut Loss ไม่เป็นแบบที่คาด กับ อาการจิตตกจากการ Cut ติด ๆ กัน สุดท้ายไม่มีใครทนไหว ทุกคนจะต้องตัดสินใจ ทดลองไม่ Cut Loss อย่างแน่นอน *****
Step 3 : จุดจบของการไม่ Cut Loss
อย่างที่บอกว่าพอพวกท่านเลือกลองไม่ Cut Loss จะมีจุดจบ 2 แบบ รอท่านอยู่
กรณีที่ 1 แบบร้ายแรง หลังจากที่พวกท่านรู้สึกเหมือนโดนโชคชะตากลั่นแกล้งที่ต้อง Cut Loss ติด ๆ กัน จึงตัดสินใจไม่ Cut Loss และเมื่อนั้นท่านจะรู้ได้ทันทีว่ากำลังถูกกลั่นแกล้งซ้ำเติมเป็นครั้งที่ 2 เพราะในครั้งนี้ตลาดจะไหลลงแรง สวนทางกับทุกครั้งที่มันดีด ซึ่งผลลัพธ์ก็จะทำให้พวกท่านได้แต่นั่งมองพอร์ตตัวเองติดลบไปเรื่อย ๆ จนหมดตัว จากนั้นค่อยมาสำนึกว่า “รู้งี้คัทลอสต่อดีกว่า” หากใครที่พบกับจุดจบแบบนี้ เราทั้งขอแสดงความเสียใจและยินดีกับพวกท่านด้วย เพราะแม้พวกท่านจะเจ๊ง แต่พวกท่านก็ได้รับ Mindset ที่แข็งแกร่งกลับคืนไปว่า ต่อจากนี้ไปจะมีวินัยในการ Cut loss ทุกครั้ง
กรณีที่ 2 แบบร้ายแรงมาก สมมุติเรื่องราวยังคงเป็นเช่นเดิมนั่นคือ พวกท่านขาดทุนติด ๆ กันมา และตัดสินใจไม่ Cut loss แต่รอบนี้ ตลาดดันดีดกลับ จึงทำให้ท่านรอดพ้นจากการขาดทุนและทำกำไรกลับคืนมา ทุกคนคงสงสัยใช่ไหมครับ ว่าแล้วมันร้ายแรงกว่ากรณีแรกยังไง? เพราะเห็นชัดๆ ว่าผลลัพธ์ออกมาดี แต่เราขอบอกเลยว่า พวกท่านโชคร้ายกว่ามาก เพราะสิ่งที่ท่านเจอมันคืออาการ “เลี้ยงไข้” ที่ทำให้เริ่มมั่นใจกับแนวคิดที่ว่า การคัทลอสไม่ใช่สิ่งจำเป็นเสมอไป เพราะเห็นอยู่กับตาว่า ไม่ Cut Loss บางครั้งผลลัพธ์ออกมาดีกว่า จากนั้นชีวิตของพวกท่านจะดำเนินไปด้วย “การคาดเดา” ว่าครั้งไหนควรคัท ครั้งไหนไม่ควรคัท และมันจะถูกสลับผิดไปเรื่อยๆ (จินตนาการตอน Sideway ที่ไม่คัทเดี๋ยวก็ดีดกลับให้ปิดทำกำไร) จนท่านเริ่มผ่อนปรนจากการพยายามคัทในทุกครั้งกลายเป็นพยายามไม่คัทในทุกครั้งแทน จนกระทั่งพวกท่านพลาด นั่นคือ เลือกจังหวะที่ไม่คัท แล้วตลาดไม่เข้าทาง ไม่ยอม Sideway แบบเดิม ทำให้เสียหายหนักและมากกว่ากำไรที่เคยได้ แล้วรู้อะไรไหมครับ? คนพวกนี้เขาปักใจเชื่อไปแล้ว! ว่าการคัทลอสไม่ได้ดีเสมอไป ดังนั้น เขาจะคิดเพียงแค่ “ตัวเองโชคร้าย ผิดพลาดครั้งเดียว ต่อไปถ้าระวังตัวคงไม่เจออีก” และพวกเขาก็จะฝึกแนวคิดไม่ Cut loss ต่อเรื่อย ๆ จนกลายเป็นการวัฏจักร คือ ทำกำไรได้สักระยะกลับมาขาดทุนครั้งเดียวหมดตัว โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริง “ผลลัพธ์สุดท้ายมันถูกกำหนดไว้แต่แรกแล้ว”
***** เชื่อเราอีกสักรอบนะครับ ว่ามนุษย์ร้อยละ 95 จะพบเจอกับกรณีที่ 2 จึงทำให้ในทุกวันนี้เราเลยเห็นพวกที่ดูเหมือนเก่งแทงถูกบ่อย ๆ ทำกำไรได้ตลอด แต่ก็ไม่เห็นรวยสักที เพราะพวกเขาก็ยังติดอยู่ในบ่วงความล้มเหลวจากการหาจังหวะ Cut Loss ที่ผิดพลาดนั่นเอง *****
อ้าว แต่คนที่ Cut loss ตลอด ก็เห็นเขาเจ๊งกันอยู่ดี
ต่อให้เราเล่าเหตุการณ์อย่างละเอียดแค่ไหน หลายท่านก็ยังไม่หายแคลงใจ ว่าเราควรต้องใช้ Cut Loss ทุกครั้งที่ซื้อขายจริงหรือ เพราะจากประสบการณ์ก็เคยเห็นคนที่มิวินัย Cut Loss อย่างเคร่งครัด สุดท้าย cut ไปมาแล้วก็ขาดทุนอยู่ดี แต่เราอยากให้ทุกท่านลองมองในมุมที่กว้างขึ้น ว่าที่คนเหล่านั้นที่ยังขาดทุนสุทธิ แท้จริงแล้วเป็นเพราะว่าเขา Cut Loss หรือไม่สามารถทำกำไรให้ Cover กับ Loss กันแน่
เป็นธรรมดาที่ทุกคนจะมี Mindset โทษการ Cut loss เป็นอันดับแรกเมื่อเวลาเห็นพอร์ตติดลบ เพราะมีความเป็นรูปธรรมมากกว่า แต่ในอีกมุมคือ การทำกำไรเองก็ปัญหาอีกตัวที่คนส่วนใหญ่มักมองข้าม โดยสังเกตได้จากตรรกะป่วย ๆ ที่ชอบพูดกันในสังคมอย่าง “กำไรแล้วจะขายตรงไหนก็ได้” ซึ่งใครที่มีตรรกะแบบนี้เราขอให้ท่านเลิกใช้เถอะครับ เพราะกว่าที่เราจะได้กำไรในแต่ละรอบ มันมีต้นทุนแฝง นั้นคือ การ Cut Loss ในรอบก่อน ๆ ที่ผ่านมา ดังนั้น ถ้าพวกท่านซี้ซัวะทำกำไรตามแต่ใจต้องการ ลองคิดดูนะครับ หากเรา Cut loss รอบละ 5% แต่เวลากำไรได้ทีละ 2-3% โดยสลับกันครั้งเว้นครั้ง ต่อให้ท่านวินัยให้ตายแค่ไหน ท่านก็เจ๊ง และนี้คือปัญหาที่แท้จริงของคนที่มีวินัยแต่ยังล้มเหลวอยู่ เพราะเขามองข้ามการทำกำไรหรือยังหาเครื่องมือที่ทำกำไรอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้ คงได้คำตอบกันแล้วใช่ไหมครับว่าทำไมคนที่มีวินัยถึงยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะถ้าอาศัยแค่วินัยอย่างเดียวแล้วรวยได้ คงไม่จำเป็นต้องมี Class สัมมนาสอนเคล็ดวิชาต่าง ๆ ในโลกนี้แล้ว
จากทั้งหมดที่บรรยายไป เราหวังว่าคงทำให้ใครได้เข้าใจถึงข้อเท็จจริงทั้งหมดของเรื่องการ Cut Loss มากขึ้น และในช่วงท้ายนี้เราอยากถามท่านที่เป็นนักเก็งกำไรทั้งในตลาดหุ้นและ TFEX ว่าพวกท่านเป็น 1 ในคนที่เคยผิดพลาดกับเหตุการณ์ที่เราบอกหรือไม่? ท่านใช่คนที่เคยยึดมั่นกับการ Cut Loss มาก่อน แต่ไม่สมหวังเลยเลิกใช้หรือเปล่า, ท่านใช่คนที่พยายามเลือกจุดคัทลอส ซึ่งก็เป็นไปได้ดีในสักระยะ แต่พอพลาดครั้งเดียวพอร์ตกลับมาติดลบใช่หรือไม่, และสุดท้ายท่านคือคนที่หมดหวังการกับเก็งกำไรและโยนความผิดพลาดให้กับ “การ Cut loss” ใช่หรือไม่ หากใครตอบว่าใช่ เรามีวิธีช่วยให้ท่านกลับไปประสบความสำเร็จได้ แต่พวกท่านต้องปฏิบัติตามหลักการทั้ง 5 ข้อ ดังนี้
1.เปลี่ยนมุมมองต่อการ Cut Loss โดยเลิกมองว่ามันต้องเป็นประโยชน์ในทุกครั้ง
การ Cut Loss เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เรารอดพ้นการขาดทุน จากการคาดการณ์ผิดทางครั้งใหญ่ “ไม่ใช่ทุกครั้ง” แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าการขาดทุนครั้งใหญ่จะมาเมื่อไหร่? คำตอบคือ “ไม่มีทางรู้ครับ” นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทุกคนจำเป็นต้องตั้งจุด Cut Loss ไว้ทุกครั้ง เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยให้เราอยู่รอดเมื่อวันนั้นมาถึง โดยให้คิดเสียว่ามันก็เหมือนกับการจ่ายเบี้ยประกันทิ้งไปในทุก ๆ ครั้ง ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด (ตลาดลงแรง) มันจะช่วยให้ท่านเป็น 1 ในคนรอดบนกองซากคนอื่น ๆ แล้วพวกท่านคิดว่าในแต่ละปีจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นสักกี่ครั้ง? อย่างมากสุดก็ไตรมาสละครั้ง ดังนั้น ยอมทนหน่อยเถอะครับ ทนกับคำเสียดสีของสังคมที่ถากถางเราว่าห่วยที่ต้อง Cut Loss บ่อย ๆ ทนกับสีหน้าแห่งความสุขของคนอื่นในวันที่เราคัทแต่พวกเขารอด และสุดท้ายเมื่อเวลานั้นมาถึง ตัวพวกท่านนั้นแหละที่จะหัวเราะได้ดังกว่า (แต่ไม่กล้าหัวเราะหรอกครับ) และกลายเป็นที่ระบายของคนอื่น เชื่อพวกเรานะครับ เพราะเราตบบ่าปลอบใจใครต่อใครมานักต่อนักแล้ว
จากนี้ไปเราขอให้ทุกคนใช้ Mindset ทำใจไว้ล่วงหน้า ว่าในทุก ๆ Order ที่ตัดสินใจเปิดสถานะไปแล้ว จะมีโอกาสโดน Cut เสมอ และต่อให้คัทแล้วดีดกลับก็ต้องทนทำต่อ เพราะมันเป็นวิธีเดียวจริง ๆ ที่จะช่วยให้รอดพ้นจากการหมดตัวเมื่อเกิดวิกฤต สุดท้ายเราอยากให้พวกท่านเข้าใจว่า บางเรื่องเราไม่มีทางปรับความจริงขึ้นให้ขึ้นไปเท่ากับความคาดหวัง จึงต้องปรับความคาดหวังให้ลงมาเท่ากับความจริง ซึ่งมันจะช่วยให้เรายอมรับและยังคงยึดมั่นเดินอยู่บนหลักการที่สมควรต่อไปได้
2.เปลี่ยนความเชื่อว่าการขาดทุนติด ๆ เป็นเรื่องที่โชคร้าย
เราไม่ต้องการเสนอข้อมูลให้ตัวเองดูดี ดังนั้นจึงไม่ขอโกหกว่า เราเป็น 1 ในคนที่เผชิญกับการ Cut Loss ติด ๆ กันมาโดยตลอด และทุกครั้งก็กล้ายอมรับว่า มักจะอุทานคำเหล่านี้อออกไปเสมอ “ทำไมถึงซวยแบบนี้ว่ะ จะมีใครในโลกที่ซวยแบบเราอีกไหม ที่ต้อง Cut Loss ติดๆกันเป็นสิบครั้ง” จากนั้นอารมณ์ Panic ก็เริ่มพรั่งพรูเข้ามาทั้ง เอาไงต่อดี, หยุดดีไหม, เข้าไปเดียวคัทอีก ฯลฯ อีกสารพัด โดยอาการนี้เราเรียกมันว่า “อาการจิตหลุด” ซึ่งเกิดจากการ Shock ที่ผลลัพธ์เสียหายเกินกว่าที่ใจเรารับไหว หากใครก็กำลังเกิดอาการนี้สิ่งแรกที่ต้องทำ คือ หาจุดยึดเหนี่ยว โดยเริ่มจากการมองความจริงว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั่นมากกว่าคนอื่นเจอจริงไหม และเรามักใช้ตารางนี้ เป็นตัวช่วยเตือนสติเสมอ
ตารางแสดงความน่าเป็นของการขาดทุนติด ๆ กันตั้งแต่ 3-15 ครั้งในทุก ๆ 100 order ที่เราซื้อขาย
*ตารางนี้เรา Simulate ด้วยการทดลองจำนวน 5,000 รอบ และการซื้อขายแต่ละครั้งอิสระต่อกัน
ตารางนี้เป็นตารางที่แสดงโอกาสที่เราจะขาดทุนติด ๆ กันตั้งแต่ 3-15 ครั้ง ณ ระดับความแม่นยำต่าง ๆ ในทุกๆ 100 การเทรด โดยจะเห็นว่า หากเรามีเครื่องมือซื้อขายที่มีความแม่นยำ 50% เมื่อทำเทรดไป 100 ครั้ง จะมีโอกาสเผชิญการขาดทุนติด ๆ กัน 5 ครั้งสูงถึง 81.08% ! และหากพิจารณาถึงเครื่องมือสากลของสาย Trend Follow ที่มีความแม่นเฉลี่ยประมาณ 35% จะพบว่าในทุก ๆ การเทรด 100 ครั้งเราจะมีโอกาสขาดทุนติด ๆ กัน 10 ครั้งถึง 37.12% ! ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก และอย่าลืมนะครับ ว่านี่กำลังพูดถึงช่วงการเทรดแค่ 100 ครั้งเท่านั้น แล้วพวกท่านคิดว่าในปีปีนึง พวกท่านจะเทรดแค่ 100 ครั้งหรือไม่ ? ดังนั้น เรามาดูตารางในทุก 200 , 500 , 1000 ครั้งกันบ้าง
*** เราเข้าใจนะ ว่าทุกคนคงสงสัยว่าตัวเลขนี้มันถูกจริงหรือ แต่เราขอยืนยันว่าตรงกับความจริงแน่นอน ถ้าไม่เชื่อทุกท่านลองหยิบเหรียญอะไรก็ได้ขึ้นมาแล้วทอย 100 ครั้ง ท่านจะพบกับความจริงว่า เราต้องเผชิญการออกหัวติด ๆ กัน หรือก้อยติด ๆ กัน 5 ครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และนี่คืออีกครั้งที่เราอยากย้ำให้ทุกคนดึงความหวังลงมาให้ตรงกับความจริง ไม่เช่นนั้น รับรองได้เลยว่า พอต้องคัทติด ๆ กันท่านจิตหลุดก่อนใครเพื่อนเป็นแน่ ***
ตารางแสดงความน่าเป็นของการขาดทุนติด ๆ กันตั้งแต่ 3-15 ครั้งในทุก ๆ 200 ,500 , 1000 ครั้งตามลำดับ
จากรูปจะเห็นว่ายิ่งเรามีการเทรดเยอะครั้งขึ้นเท่าไหร่ โอกาสที่เราจะเจอการขาดทุนติด ๆ กันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนลู่เข้าสู่ระดับ 100% ซึ่งก็หมายถึง มันต้องเกิดขึ้นแน่ ๆ กับพวกเราในสักวัน (แน่นอนว่ามันอาจเกิดขึ้นในครั้งแรกที่เริ่มเทรดเลยก็ได้) ทีนี่เริ่มเข้าใจแล้วใช่ไหมครับ ว่าสิ่งที่พวกท่านเจอมันไม่ใช่เรื่องโชคร้าย แต่มันเป็นเพียงสถิติและความน่าจะเป็น จงอยู่ร่วมกับมันและอย่าหวั่นไหวเมื่อต้องเผชิญ ให้คิดซะว่ายิ่ง Cut บ่อยเท่าไหร่ โอกาสถูกยิ่งใกล้เข้ามาใกล้ขึ้นเท่านั้น ถ้าพวกท่านปล่อยให้ตัวเองจิตหลุด ท่านจะหยุดในครั้งที่ถูก ! เชื่อเราไหม ถ้าไม่เชื่อทดลองดูได้เลยครับ
แต่ในเหตุการณ์จริง ต่อให้เข้าใจแค่ไหน ยังไงก็ทนยาก (ไม่งั้นพวกเราหลุดพ้นไปนานละครับ) ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ “ระบายมันออกครับ” ระบายให้คนที่เข้าใจพวกท่านจริง ๆ ได้ฟัง แล้วพวกเราจะเป็น 1 ในหัวอกเดียวกันที่คอยเตือนสติและให้กำลังใจพวกท่านเอง
*** เอาจริง ๆ นะครับ ความเจ็บปวดที่หนักหน่วงที่สุด ไม่ใช่การเห็นเงินตัวเองหายไปกับการ Cut Loss ติด ๆ กัน แต่มันเป็นความรู้สึก “สิ้นหวัง” ที่ไม่รู้ว่ารอบกำไรมันจะกลับอีกหรือไม่ … ทุกท่านต้องผ่านมันไปให้ได้ ***
3.เปลี่ยนความคิดที่จะหาจุดออกที่ดีที่สุด เป็นการจุดเข้าที่มีประสิทธิภาพ
นักเก็งกำไรทุกคนในโลก ไม่มีใครอยากให้ผลลัพธ์ในแต่ละครั้งจบที่การ Cut Loss แต่พวกเขาก็ฉลาดพอที่รู้ว่า การ Cut Loss เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ ดังนั้น พอทั้ง 2 ความคิดนี้มันผลักๆดึงๆกันอยู่ คำตอบที่ออกมาเลยกลายเป็นการ “พยายามเลือกครั้งที่ Cut Loss ให้แม่นยำมากที่สุด” และนั่นคือความคิดที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะท่านกำลังประเมินผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นผิด กล่าวคือ หากท่านเดิมพันชนะ (ไม่คัทแล้วดีด) ทำให้รอดพ้นจากการขาดทุนฟรี 1-2% แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านเดิมพันพลาด (ไม่คัทแล้วไหล) ท่านจะต้องเสีย >10% ซึ่งต่อให้ท่านหา False Cut loss เจอสัก 10 ครั้ง ประโยชน์ที่ได้ก็ไม่ชดเชยกับการที่ท่านพลาดเพียงครั้งเดียว ดังนั้น ปล่อยให้ความสูญเสียในทุก Order ถูกจำกัดไว้ที่จุด Cut Loss ดีแล้วครับ และหากถ้าท่านต้องการให้ Cut Loss เกิดขึ้นน้อยที่สุด สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่ท่านต้องแก้ที่ต้นทาง นั่นคือ หาจุดเข้าที่มีประสิทธิภาพที่สุด โดยแสดงได้จากรูปนี้
รูปแสดงผลลัพธ์ของการใช้ MACD ตัดกัน 10 ปีย้อนหลัง (2010-2019) ใน TimeFlame 15 นาที
จากรูปจะเห็นว่าทั้ง 2 ตาราง เป็นผลลัพธ์จากการ Cross กันของ MACD มาตรฐาน (12,26) ตัดกับเส้นศูนย์ (Long เมื่อตัด 0 ขึ้น – Short เมื่อตัด 0 ลง) โดยมีความแตกต่างกันที่ด้านซ้ายมือ (หมายเลข 1) จะเป็นการใช้ MACD ตัดกันแบบปกติ ไม่มีกรองเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติม ส่วนด้านขวามือ (หมายเลข 2) จะเป็นถูกกรองด้วยเงื่อนไขเพิ่มเติม ดังนี้
1.เล่นขา Long เฉพาะครั้งที่ RSI อยู่ระหว่าง 5x ถึง 7x และเล่นขา Short เฉพาะครั้งที่ RSI อยู่ระหว่าง 2x ถึง 4x เพื่อให้ Momentum ยังคงอยู่แข็งแรงอยู่ในเทรนนั้นและไม่เกิดแรงซื้อ-ขายมากเกินไป (Overbought, Oversold)
2.ปริมาณการซื้อขายต้องมากกว่า X เท่าและน้อยกว่า y เท่า เพื่อคอนเฟิร์มปริมาณการซื้อขายที่เหมาะสม
โดยจะสังเกตว่าภาพแรกมีการเทรด 1602 ครั้งและมีความแม่นเพียง 31.52% ส่วนภาพที่ 2 จะเหลือการเทรดเพียงแค่ 501 ครั้ง โดยลดลงเหลือ 1 ใน 3 และมีความแม่นถึง 37.92% ! หรือขึ้นมา 6.4% (ถือว่าเยอะมาก) โดยสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ เราได้ขจัดครั้งที่ไม่ควรเข้าออกไปตั้งแต่แรก เพียงเท่านี้พวกท่านจะมีการ Cut Loss ที่น้อยลง และหากถ้าใครมี Data ที่ดีกว่าแค่ RSI + Volume ก็จะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งนี้เป็น 1 ในเหตุผลที่เราอยากให้ทุกท่านหันมาใส่ใจศาสตร์เรื่อง Quantitative และ Data Sciences กันมากขึ้น
4.แบ่งจังหวะ Cut loss ออกเป็นอย่างน้อย 3 ไม้เสมอ
1 ในคำถามโลกแตกที่ถูกถามกันบ่อยที่สุด คือ “Cut Loss ตรงไหนดี” ซึ่งหากพวกท่านไปถามคน 100 คน เรารับรองได้ว่า พวกท่านจะได้จุดคัทลอส 100 จุดอย่างแน่นอน เพราะแต่ละคนมีความคิด+ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ดังนั้น ต่อให้พวกท่านตั้งใจที่จะคัทลอส แต่ต้องมาสับสนและหาคำตอบไม่ได้กับคำถามนี้ สุดท้ายก็ไม่อยาก Cut ถ้าใครกำลังเจอกับปัญหานี้ ลองใช้วิธีเราดูไหม? เราคิดว่าการที่ทุกคนให้ความเห็นที่แตกต่างกันไม่ใช่ใครเก่งหรือไม่เก่ง แต่พวกเขาต่างพบเจอกับคำตอบคนละช่วงเวลา สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ ตลาดไม่เคยอยู่นิ่งและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอยู่ตลอด อย่างคนที่ตั้ง Cut Loss ลึก ก็เพราะเขาเจอกับช่วงตลาด Sideway ในกรอบแคบ แต่พอ Sideway กรอบกว้างมาก็เจ็บหนักอยู่ดี ตรงกันข้ามกับคนที่ตั้ง Cut Loss สั้น ที่เจ็บตัวต่อครั้งน้อยกว่า แต่ก็มีแนวโน้มโดน Cut ถี่กว่า แล้วคำถามคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ตลาดจะ Sideway กว้าง เมื่อไหร่จะ Sideway แคบ? … ถ้าพวกท่านตอบไม่ได้ สิ่งที่ต้องทำ คือ “แบ่งการ Cut ออกเป็นหลาย ๆ ไม้เพื่อรับมือกับทุกสภาวะ” ฟังดูแล้วเหมือนวิธีที่ไม่ฉลาดเท่าไหร่ แต่รู้ไหมครับ ว่านี้คือ “หลักการกระจายความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพอย่างมากในระยะยาว” ถ้าไม่เชื่อ เราลองมาพิสูจน์กัน
รูปแสดงกำไรสะสมและ Drawdown รายเดือนของกลยุทธ์ Break High-Low 10 ปีย้อนหลัง (2010-2019)
จากรูปทั้ง 2 เส้นจะเป็นข้อมูลของการใช้กลยุทธ์ Long เมื่อทะลุ High และ Short เมื่อหลุด Low เหมือนกันทั้งคู่ แต่แตกต่างกันสีเส้นสีฟ้าจะ Cut loss ไกล (10 จุด) ส่วนเส้นสีส้มจะ Cur loss ใกล้ (2 จุด) โดยหากพิจารณากำไรสะสม (รูปบน) อาจเห็นว่าสอดคล้องกัน แต่หากพิจารณาการขาดทุนสะสม (Drawdown) (รูปล่าง) จะพบว่าทั้ง 2 กลยุทธ์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเดือนไหนที่กลยุทธ์ Cut loss ไกลขาดทุนหนักสุดติดกัน 100 จุด ตัว Cut loss ใกล้กลับขาดทุนสะสมแค่ 40 จุด และเมื่อถึงช่วงที่ Cut loss ใกล้ขาดทุนสะสม 100 จุดบ้าง ตัว Cut loss ไกลกลับขาดทุนสะสมเพียง 20 จุดเท่านั้น สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะทั้ง 2 ตัวให้ประสิทธิภาพกันคนละช่วงสภาวะตลาด ดังนั้นเมื่อนำมารวมกันเป็นพอร์ตเดียวกันแล้ว ไม่มีตลาดจะเป็นแบบไหน พวกท่านก็ไม่มีเผชิญความเสียหายหนักพร้อม ๆ กัน โดยหากใครที่กระจายมันได้อย่างเหมาะสมจะทำให้ความเสี่ยงรวมลดลง > 30% ด้วยวิธีง่าย ๆ แค่นี้
*** การกระจายการ Cut Loss เป็นตัวช่วยสำคัญในการบรรเทาจิตใจของเรา Cut Loss มาได้ถึงทุกวันนี้ เพราะเมื่อเวลาตลาด Sideway แคบมันก็หลุดไปเพียงส่วนหนึ่งของพอร์ต และเมื่อไหร่ตลาด Sideway กว้างก็รู้สึกโล่งอกที่มีบางตัว Cut Loss ได้ราคาดีไปก่อนหน้าแล้ว และด้วยความรู้สึกนี้จึงช่วยพยุงสภาวะจิตใจเราไม่ให้ลมปราณแตกซ่านได้ง่ายเหมือนในอดีตที่ต้อง Cut loss ก้อนใหญ่ติดๆกันตลอด ***
5.ใช้ Stop Order ในการ Cut loss ทุกครั้ง
“พวกท่านห้ามประมาทกับเรื่องของอารมณ์เด็ดขาด” มืออาชีพหลายต่อหลายรายผิดพลาดเพราะเรื่องนี้กันเยอะมาก โดยบางคนมองว่าการที่เรามีเวลาเฝ้าหน้าจออยู่ตลอด เห็นการเคลื่อนไหวของราคาทุกวินาที ดังนั้น พอถึงจุด Cut Loss ก็สามารถส่งคำสั่งขายได้โดยไม่ยาก … แต่ในสถานการณ์จริงมันไม่ง่ายอย่างนั้น เพราะทุกครั้งที่ตลาดกำลังเป็นเทรนครั้งใหญ่ มันมาพร้อมกับความรวดเร็วเกินกว่าที่เราจะตั้งตัว (เช่นทั้งวันเคลื่อนไหว 2-3 จุด แต่ตอน 4 โมงเย็นกลับไหลพรวดลงมา 10 จุดภายในเวลา 5 นาที) ซึ่งพวกท่านส่งคำสั่งไม่ทันหรอกครับ โดยสิ่งที่ทำให้ไม่ทันไม่ใช่ตัวท่าน แต่เป็นจิตใจท่านต่างหาก เพราะถึงเวลานั้นพวกท่านจะปรับตัวอารมณ์ไม่ทัน เกิดอาการสับสน มือไม้สั่น สุดท้ายปล่อยให้มันเลยเถิดจนเกิดการคัทลอสไม่ทัน ดังนั้น เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เราอยากบังคับให้ทุกคนตั้ง Stop order ในการ Cut Loss ไว้เสมอ
***** คงมีหลายคนไม่เห็นด้วยและเถียงกลับมาว่า ถ้าทำแบบนี้คงโดยพวก Stop Hunter ดักกินแน่ๆ ซึ่งเราขอยืนยันว่าคนพวกนี้ “มีอยู่จริงอย่างแน่นอน” แต่แล้วไงครับ พวกท่านจะรู้ได้ไงว่าเขาล่าเราเมื่อไหร่? ไม่ล่าเมื่อไหร่? ถ้าพวกท่านพยายามหามัน สุดท้ายมันก็กลับไปติดลูบเดิม ๆ คือ “พอพลาดก็เจ๊ง” ดังนั้น ช่างเขาเถอะครับ จะล่าสักกี่ครั้งก็ปล่อยไป ถึงวันนึงที่พวกเขาล่าแล้วพลาด เขาเจ็บหนัก ส่วนเรารอด แล้วอีกอย่างถ้าเรากระจาย Cut Loss เป็นระดับต่างๆ เขาล่าเราได้ไม่ทั้งหมดหรอก *****
#สนับสนุนให้คนมีวินัยในการ Cut Loss
และเนื่องจากเรา+พาร์ทเนอร์ต้องการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม จึงทำการออกแคมเปญ “สัญญาละบาท หยุดยั้งโรคละบาด” เริ่มขึ้นเมื่อเดือนก่อน โดยนักลงทุนที่เปิดบัญชี TFEX และเทรด SET50 Futures ผ่านเรา ทุก ๆ 1 สัญญาจะแปรเปลี่ยนเป็นเงิน 1 บาท บริจาคเข้ากองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 โดยในเดือนที่ผ่านได้มา (เม.ษ.) ได้มีนักลงทุนเทรดเป็นจำนวน 155 ท่าน รวม 21,697 สัญญา และเพื่อแสดงหลักฐาน จึงอนุญาติใช้ Pantip ที่ Webborad ที่ใหญ่ที่สุด เป็นแหล่งประกาศเพื่อยืนยันว่า เราได้นำเงินของพวกท่านเข้าช่วยเหลือสถานการณ์ Covid ตามที่ประกาศไว้ ดังรูป
เราจะทำดำเนินแคมเปญนี้ต่อเนื่องในเดือนถัดๆไป โดยสัญญาว่าทุกๆ การเทรดของพวกท่านจะเป็นประโยชน์กับสังคม และขอให้ผลบุญนี้ทำให้นักลงทุนทุกคน ได้พบเจอกับแนวทางความรู้ที่เหมาะกับตัวเองและนำมาประยุกต์ใช้ในจนประสบความสำเร็จ
สุดท้ายนี้ เราตระหนักเป็นอย่างดีว่าการ Cut Loss ยังมีแนวคิดที่ซับซ้อนอีกมากมาย และเราต้องขออภัยหากสิ่งที่เราพิมพ์ไม่ตรงจริตกับท่านที่อ่าน โดยอยากให้เข้าใจว่า เราแค่พยายามถ่ายทอดมุมมองของตัวเองโดยมุ่งเน้นเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านมากที่สุด แน่นอนมันอาจมีบางจุดทีความรู้เรายังไม่ถึงขั้น จึงอยากขอความร่วมมือทุกคนช่วยกัน แบ่งปันความรู้เพิ่มเติม เพื่อให้นักลงทุนท่านอื่น ๆ ได้นำไปประยุกต์ใช้ และหากใครสนใจเรื่อง TFEX หรือมีปัญหาในการใช้งานโปรแกรมที่ให้ สามารถพูดคุยกับเราและคนอื่น ๆ ได้ที่ห้อง Line และ OpenChat ด้านล่าง โดยหวังว่าความรู้และโปรแกรมที่พวกเราแชร์จะพอมีประโยชน์กับบางท่าน ขอบคุณครับ
Credit : https://www.facebook.com/tfexforfuture
Line Sqaue : TFEX For Future
https://line.me/ti/g2/btLW138AZRRYIUeuCe-5GQ
ติดต่อปรึกษาเรื่องการลงทุน TFEX ได้ที่ Line : @Tfexff