ถ้าให้จัดอันดับหุ้นร้อนแรง IPO ครึ่งปีนี้จะขอยกให้ 2 ตัว คือ #OR และอีกตัวคือหุ้น #TIDLOR
สำหรับหุ้น OR นั้นเป็นที่รู้จักกันอยู่แล้ว ยกในเรื่องการเติบโตจากธุรกิจกลุ่มค้าปลีกโดยมี Cafe Amazon เป็นตัวนำ
... แต่สำหรับ TIDLOR นั้นมีโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อนกว่าการขายกาแฟมาก และด้วยความซับซ้อนนั้นเองทำให้คนเชื่อกันว่าธุรกิจของ TIDLOR จากการปล่อยสินเชื่อในประเทศไทยยังเติบโตได้อีกมาก
.
ธุรกิจของ TIDLOR จะมี 2 ส่วนหลักคือ
1. ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ซึ่งเติบโตดีมาก ว่ากันว่ามีคนไทยมากถึง 60% ที่เข้าไม่ถึงแหล่งเงินกู้จากธนาคาร ทำให้ตลาดตรงนี้มีโอกาสโตสูงมาก เราเรียกกันว่าธุรกิจ Non-Bank แต่ด้วยการเติบโตที่ดีนั้นเอง คู่แข่งก็ใหญ่เอาเรื่องเหมือนกัน เช่น MTC และ SAWAD ที่เข้ามาก่อนหน้านั้น
TIDLOR มีส่วนแบ่งการตลาดจำนำทะเบียนรถมากที่สุด 16%
>>> MTC 14%
>>> SAWAD 7%
ซึ่งยังเหลืออีก 63% ให้เราโตได้อีก สรุปแล้วคือโตจากการ "แย่งส่วนแบ่งของคนอื่น" และโตไปกับตลาดที่ยังเหลือ "ช่องว่าง" ได้อีกมาก
2. ธุรกิจนายหน้าประกันภัย
นักลงทุนจะเห็นตัวอย่างได้จาก TQM ที่ผลประกอบการเติบโตอย่างมาก โดยมีหน้าที่ "บริการ" กินค่าธรรมเนียมจากการขายประกันภัย แต่ความเสี่ยง ค่าเคลม ค่าสินไหม ถ้ารถชน อันนั้นบริษัทประกันรับผิดชอบไปโดยตรง
แต่ตลาดนี้ลุกค้าแทบจะไม่มีความ "ภักดี" ต่อแบรนด์เลย ใครดีกว่าถูกกว่าก็ทำกับคนนั้น บางคนแทบจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารถของตัวเองทำประกันกับอะไร พอรถชนก็ค่อยมาว่าอีกที ทำให้ตลาดนี้ค่อนข้างกระจายตัว มีคู่แข่งเยอะและไม่ได้กินตลาดแบบเบ็ดเสร็จ เช่น TQM เป็นเบอร์ 1 ยังกินส่วนแบ่งประมาณ 9-10% TIDLOR มี 2% และยังเล็กอยู่ แต่โอกาสเติบโตจากฐานต่ำก็ถือว่ามีความน่าสนใจ
ที่กล่าวมา ถือเป็นความน่าสนใจของหุ้น TIDLOR ทั้งหมด ไม่แปลกเลยที่นักลงทุนจะยอมให้เทรดกันที่ค่า P/E ค่อนข้างสูงถึง 35 เท่า ซึ่งถือว่าสูงเอาเรื่องเหมือนกัน ในขณะที่ SAWAD และ MTC ที่เข้ามาก่อนมีค่า P/E ประมาณ 25-27 เท่า
... เลยเกิดเป็นคำถามว่า ราคานำความคาดหวังไปแล้วหรือเปล่า ?
ถ้าอ่านจากบทวิเคราะห์ ก็น่าจะมีความเห็นไปในทางนั้น ... มาดุกันสักหน่อยครับ
บล.เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ธุรกิจหลักยังเติบโต แต่ราคาหุ้นถือว่าสะท้อนอนาคตไปแล้วระดับหนึ่ง
โครงสร้างรายได้ของ TIDLOR ประกอบไปด้วย
- รายได้จากดอกเบี้ยสินเชื่อ 71% ** เป็นรายได้หลัก
- รายได้จากค่าธรรมเนียมและบริการ 10%
- รายได้จากนายหน้าประกัน 9%
- รายได้ดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อ10%
#สรุปสาระสำคัญจากบทวิเคราะห์ ...
1. ทิศทางธุรกิจของ TIDLOR ยังดีอยู่ไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขา การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหนุนความต้องการของสินเชื่อโตราวๆ 15-20%
2. ธุรกิจขายประกันยังเน้นอยู่ และเชื่อว่าทำให้รายได้ตรงนี้โตขึ้นในอีก 2 ปีข้างหน้า
3. ฝ่ายวิจัยคาดว่า TIDLOR จะมีกำไรสุทธิในปี 2564 โตสูงถึง 26% จากธุรกิจสินเชื่อเป็นหลัก
4. การระดมทุน IPO ที่ผ่านมา ทำให้ TIDLOR มีค่าใช้จ่ายจากดอกเบี้ยลดลงในอนาคต ถือเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้สภาพคล่องของ TIDLOR คล่องตัวมากขึ้น
โดยสรุปแล้ว TIDLOR ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่ติดตรงที่ราคาสะท้อนอนาคตไปมากแล้วเหมือนกัน โดยฝ่ายวิจัยมองว่า P/BV ที่เหมาะสมของ TIDLOR ควรอยู่ราวๆ 4.7 เท่า
ในขณะที่ตอนนี้ P/BV ของ TIDLOR อยู่ที่ 7.8 เท่า ก็ถือว่าตึงตัวไปสักหน่อย ...