
#infographic จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลงได้เลย ประกอบกับการที่รัฐบาลออกมาตรการให้การสนับสนุนทั้งเงินอุดหนุนและปรับลดภาษีนำเข้า ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยกลายเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มคนที่กำลังวางแผนจะเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ ซึ่ง Tesla ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้จักกันเป็นอย่างดี
.
.
จนเมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา กระแสในโลกโซเชียลได้มีการพูดถึงการที่บริษัทรถไฟฟ้ายักษ์ใหญ่อย่าง Tesla ที่มี Elon Musk เป็นเจ้าของนั้นได้เข้ามาจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทลูกในไทยแล้ว หลังจากที่เคยมีการพูดถึงเรื่องนี้มาแล้วเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่ก็เงียบหายไป
.
.
การเข้ามาในประเทศไทยของ Tesla กลายเป็นความจริงเมื่อได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ภายใต้ชื่อ “บริษัท เทสลา(ประเทศไทย) จำกัด” เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 65 ด้วยทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท หมายเลขทะเบียนนิติบุคคล 0105565069229 โดยมีที่ตั้งบริษัทอยู่ที่ เลขที่ 87 อาคารเอ็มไทย ทาวเวอร์ ออล ซีซั่นส์ เพลส ห้องเลขที่ 2319 ชั้นที่ 23 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
.
.
นอกจากนี้ คณะผู้บริหารของเทสลา (ประเทศไทย) ยังเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Tesla ทั้งหมด ได้แก่
.
.
- David Jon Feinstein ปัจจุบันเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Tesla ในตำแหน่ง Global Senior Director – Trade Market Access และเคยได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการของ Tesla อินเดียเมื่อเดือนมกราคม ปี 2021 ด้วย
- Vaibhav Taneja ผู้บริหารระดับสูงด้านการเงิน (Chief Accounting Officer) และเคยเป็นผู้อำนวยการของ Tesla India Motors and Energy Private Limited ในช่วงมกราคม 2021 ด้วยเช่นกัน โดยจุดเริ่มต้นของ Vaibhav กับ Tesla มาจากการที่ Tesla เข้าซื้อกิจการบริษัท SolarCity เมื่อปี 2017
- Yaron Klein ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้บริหารด้านทรัพย์สินของ Tesla และเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของบริษัทลูกอย่าง Tesla Energy Operations ด้วย
.
.
สำหรับวัตถุประสงค์การจดทะเบียน ระบุว่า เพื่อประกอบกิจการขายรถยนต์ไฟฟ้า ระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้งและอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบเก็บพลังงานแบบติดตั้ง ระบบผลิตพลังงานและอุปกรณ์ที่ใช้กับระบบพลังงานแต่การที่ Tesla จะเข้ามาปักหลักทำตลาดในประเทศไทยด้วยตัวเองกำลังถูกจับตามองว่าจะทำให้ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ เพราะ
1.รถยนต์ของ Tesla ในไทยจะมีราคาถูกลง เมื่อเทียบกับราคาคนกลางที่เป็นผู้นำเข้าอิสระ
2.บริการหลังการขายดีขึ้น เพราะสามารถตั้งศูนย์บริการอย่างเป็นทางการได้
3. เพิ่มสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ (ซึ่งปัจจุบันยังมีข้อจำกัดอยู่) เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ของ Tesla ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นหากราคาถูกลง
4. ความสะดวกรวดเร็วในการอัปเดทซอฟต์แวร์ภายในรถยนต์ทั้งระบบแผนที่นำทาง และการป้อนข้อมูล
.
.
มาดูกันที่ตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ที่ประเมินว่า ปี 2565 นี้ รถยนต์ BEV สัญชาติจีน จะมีโอกาสสร้างส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นจาก 58% ของยอดขายรถยนต์ BEV รวมในปีที่แล้วขึ้นเป็นกว่า 80% ในปีนี้ จากยอดขายรถยนต์ BEV รวมที่คาดว่าจะมีมากกว่า 10,000 คัน ขยายตัวมากกว่า 412.0% (YoY) หลังปีที่แล้วจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกที่ 1,954 คัน
.
.
โดยกลุ่มผู้ซื้อหลักนอกจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและได้รับผลกระทบน้อยจากภาวะเศรษฐกิจแล้ว อีกกลุ่มที่ช่วยดันยอดให้ขึ้นสู่ตัวเลขดังกล่าว น่าจะเป็นกลุ่มลูกค้า Fleet องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนซึ่งมีศักยภาพในช่วงที่ตลาดผู้บริโภคส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับภาวะกำลังซื้อชะลอลง
ส่วนรถยนต์ BEV สัญชาติตะวันตกที่กลุ่มผู้ซื้อมีศักยภาพสูง แม้บางค่ายรถจะไม่ได้เข้าร่วมโครงการของภาครัฐแต่ก็จะได้แรงกระตุ้นจากอานิสงส์ของการเร่งขยายสถานีชาร์จเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคให้สูงขึ้น ขณะที่ค่ายญี่ปุ่นที่อาจเข้ามาทำตลาดได้ช้ากว่าค่ายอื่นจึงทำให้มีช่วงเวลาในการสร้างส่วนแบ่งในตลาดในปี 2565 นี้สั้นกว่า แต่หากทำราคาได้ดีและเหมาะสมเชื่อว่าในปี 2566 อาจมีโอกาสกลับมาทวงส่วนแบ่งการตลาดคืนได้
.
.
ปัจจุบันกระทรวงการคลังได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่สำเร็จรูปที่เข้ามาทั้งคันตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยราคาขายปลีกไม่เกิน 2 ล้านบาท จะลดภาษี 40% และราคาขายปลีก 2-7 ล้านบาท มีแบตเตอรี่ 30kWh ขึ้นไป ลดภาษี 20%
.
.
ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
