มาอัพเดทตลาดภาคบ่ายกันครับ

13 มิถุนายน 2562 -- Daily Strategy : บล.คันทรี่ กรุ๊ป

Daily View

คาด SET index ซึมตัวลงกรอบ 1660-1676 ภาพรวมการลงทุนยังคงรอปัจจัยใหม่ประกอบกับคาดเจอแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบ Brent เมื่อคืนที่ผ่านมาย่อตัวลงแรงกว่า 3.7% เนื่องจากสำนักงานสาสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบในสัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้นถึง 2.2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 8 หมื่นบาร์เรล อย่างไรก็ดีหากดัชนีย่อตัวลงมาเรามองเป็นโอกาสของเข้าสะสมของบางกลุ่ม เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดร.อุตตม สาวนายน ได้เปิดเผยผ่าน Facebook ส่วนตัวว่าหลังจากพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เข้าร่วมพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีขั้นตอนต่อไปของการแต่งตั้งคณะรัฐในตรีนั้นอีกไม่กี่วันประชาชนก็จะได้ทราบถึงรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งแต่ละกระทรวงทำให้ภาพของการเมืองไทยดูชัดเจนอย่างค่อยเป็นค่อยไป และเมื่อมาพิจารณานโยบายที่ พรรคพลังประชารัฐเคยทำการหาเสียงไว้ส่วนมากจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประชากร อาทิ ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400-425 บาทต่อวัน เงินเดือน ปริญญาตรี 2 หมื่นบาท และ อาชีวะ 1.8 หมื่นบาท ขณะที่ผู้หญิงที่ทำการตั้งครรภ์จะได้รับเงินช่วยเหลือ เดือนละ 3 พันบาท (9 เดือน รวมเป็นเงิน 2.7 หมื่นบาท) ค่าคลอด 1 หมื่นบาท และ สุดท้ายค่าดูแลเด็กเดือนละ 2 พันบาท ซึ่งจากนโยบายข้างต้นเรามองเป็นบวกโดยตรงต่อกลุ่มค้าปลีกที่จะได้อานิสงค์ซึ่งนอกจากจะเตรียมรับอานิสงค์บวกจากภาครัฐแล้วยังพบว่ายอดขายต่อสาขาของ CPALL หรือ SSSG ในเดือน เมษายน – พฤษภาคม ยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องราว 3.5% สำหรับ 7-11 และ Makro

Daily Strategy

หากดัชนีย่อตัวลงมาและกดดันกลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL ROBINS) ให้ย่อตัวลงมาตามเรายังแนะนำเป็นโอกาสเข้าสะสมโดยยกให้ CPALLเป็น Top Pick ของกลุ่ม นอกจากจะได้ประโยชน์จากปัจจัยในประเทศแล้วปีนี้ยังมี New S Curve ใหม่ที่รออยู่ อย่างการรุกเปิด 7-11 ที่ ประเทศ กัมพูชา และ ลาว โดยยังคงถือครองเงินสดไม่ต่ำกว่า 50%

CPALL (ซื้อ/มูลค่าเหมาะสม 84บาท)ผลประกอบการ 1Q19 ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ที่ 7%YoY 4%QoQ และกำไรสุทธิทำจุดสูงสุดใหม่ในประวัติศาสตร์ที่ 5.7 พันล้านบาทและเรายังคงมองว่าผลประกอบการในงวด 2Q19 ด้วยสภาพอากาศที่ยังร้อนต่อ เนื่องจะอีกปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการ โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอาหาร อาทิ ออล คาเฟ่ ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะเป็นตัวหนุนให้กำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ส่วนกัมพูชา และ ลาว เราจะรอสอบถามเพิ่มเติมกับทางผู้บริหารอีกที

S (ซื้อ/มูลค่าเหมาะสม 4.2 บาท) เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อกำไรในปี 19-20 ที่จะ เติบโตได้ต่อเนื่องจากปัจจัยของธุรกิจอสังหาที่เริ่มโอนโครงการแรกภายใต้ Singha E state ตั้งแต่ 4Q18 ที่ผ่านมาและมี Backlog กว่า 1.2 หมื่นล้านบาท จากทั้งหมด 5 โครงการมูลค่ากว่า 2.1 หมื่นล้านบาทที่จะทยอยโอนต่อเนื่อง นอกจากอสังหาแล้วยังมีธุรกิจโรงแรมแม้กำไร 1Q19 จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยตามอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่โดน ผลกระทบจากการหายไปของนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ดีมองว่าจะสามารถกลับมาฟื้ นตัวได้ในช่วง 2H19 ตามการเปิด 2 โรงแรมในปลายปีที่ Maldives และยังมีแผนนำ ธุรกิจโรงแรมเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกทางภายใต้ชื่อ SHR ช่วงปลายปี

Analyst : Sittidath Prasertrungruang

Registration No. 17618

Tel. +66 2205 7000 ext. 4400

Assistant Strategist : Vathan Jitsomnuk