ส่องงบ Big 4 ทีวีดิจิตอล ไตรมาส 2/60

ส่องงบ Big 4 ทีวีดิจิตอล ไตรมาส 2/60

               หุ้นกลุ่มทีวีดิจิตอลถูกจับตามองอย่างมากในระยะหลังๆ ด้วยการที่มีช่องทีวีเพิ่มขึ้นจำนวนมากทำให้มีการแข่งขันเพิ่มขึ้นนักลงทุนหลายท่านจึงพยายามมองหา survivor ในกลุ่ม วันนี้จึงเลือกหุ้นมา 4 ตัว ได้แก่ WORK , BEC , GRAMMY , RS  ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 6 เกณฑ์ 

1.รายได้รวม

2.ROE

3.อัตรากำไรสุทธิ

4.P/E

5.D/E

6.อัตราส่วนเงินปันผล

รายได้รวม

               ในส่วนของ รายได้รวม ไตรมาส 2/60 BEC มีรายได้มากที่สุด 6,275.30 ล้านบาท รองลงมา GRAMMY ตามมาที่ 4,190.97 ล้านบาท โดยภาพรวมการที่บริษัทมีรายได้มากกว่า เกิดจากการที่บริษัทมีขนาดใหญ่กว่า มีโครงการมากกว่า แต่การมีรายได้มากกว่าไม่ได้แปลว่ามีอัตรากำไรสุทธิที่ดีกว่าเสมอ ต่อไปเราจะมาดูกันในส่วนของอัตรากำไรสุทธิ

                ในส่วนของ อัตรากำไรสุทธิ ไตรมาส 2/60 กลับเป็น WORK ที่มีกำไรมากที่สุดที่ 27.97%รองลงมา คือ RS ที่ 5.90% ทั้งๆที่มีรายได้น้อยที่สุดในบรรดาบริษัททั้งหมด อัตรากำไรสุทธิแสดงถึงการจัดการต้นทุนทั้งในแง่ของการประมูลความถี่ รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขายการบริหาร ขณะที่ GRAMMY ที่มีรายได้รองลงมาเป็นอันดับ 2 กลับมีอัตราส่วนกำไรสุทธิน้อยที่สุด

เกณฑ์ต่อไป คือ ROE / Return on Equity

                 ROE / Return on Equity ตัวที่ให้ ROE  มากที่สุด เป็น WORK ที่18.05%  รองลงมาเป็น BEC ที่ 7.48% ขณะที่ GRAMMY กลับติดลบถึง 17.68% ซึ่งมีความแตกต่างมากและไม่มีความใกล้เคียงกันแม้แต่น้อย

                ในส่วนของ P/E เบอร์ 1 ยังคงเป็น  BEC ที่ สูงถึง 64.5เท่า และ ANAN เบอร์ 2 ที่ 61.32 เท่า ขณะที่ GRAMMY และ RS ยังไม่สามรถคำนวณ P/E ได้ แต่การ P/E สูงใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป P/E สูง แสดงถึงการที่นักลงทุนเห็นถึงศักยภาพและรายได้ผลกำไรที่จะเข้ามาในอนาคตแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องไม่สูงจนเกินไป ดังนั้นประเด็นจึงอยู่ที่ว่า การที่นักลงทุนมองว่า P/E ที่ประมาณ 60 เท่า ถือว่าสูงเกินไปแล้วหรือไม่

                ในส่วนของ D/E เบอร์ 1 เป็นของ GRAMMY ที่ 4.6 เท่า ซึ่งถือว่าสูงมาก โดยทั่วไปแล้ว D/E จะอยู่ที่ไม่เกิน 2 เท่า และ RSเบอร์ 2 ที่ 2.70 เท่า ขณะที่ WORK ที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงสุด กลับมีหนี้น้อยที่สุด ที่ 0.71 เท่า เท่านั้น

                 ในแง่ของ อัตราส่วนเงินปันผล เทียบราคาปัจจุบัน สูงสุด คือ BEC ที่ 3.43 ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆ อาจมีสาเหตุมาจากการที่บริษัทอยู่ในธุรกิจมานานกว่าช่องทีวีดิจิตอลอื่นๆ ทำให้ไม่ต้องลงทุนกับอะไรใหม่ๆเยอะ จึงทำให้สามารถจ่ายปันผลมากกว่าบริษัทอื่นๆ 

- Vira -

หมายเหตุ :  ข้อมูลที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์อ้างอิง วันที่  17.10.2017 จากเว็บไซต์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และไม่ได้มีเจตนาชี้นำการลงทุนใดๆ