มาดูบทวิเคราะห์กันครับ
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กรุงศรี คาดว่า IVL จะมีผลประกอบการขาดทุนในไตรมาส 2/63 ที่ราว 327 ล้านบาท เทียบกับกำไร 571 ล้านบาท ในไตรมาส 1/63 อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาด แม้ว่า PET spreads จะสูงขึ้นและขาดทุนจากสต็อก(stock loss)ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
โดย IVL จะได้ประโยชน์จาก spread ที่เพิ่มขึ้นเพียง 50% ของปริมาณขาย และ spreads ในส่วนที่เหลืออีก 50% นั้นได้ทำสัญญาไว้แล้ว แต่จากราคาน้ำมันที่ลดลงในเดือนเม.ย.ทำให้ราคา PX ลดลงอย่างมาก และทำให้เกิดรายการ stock loss ที่ราว 2.2 พันล้านบาท เทียบกับ 3.4 พันล้านบาท ในไตรมาสแรก
การล็อคดาวน์นั้นทำให้ความต้องการใช้ และ spreads ของ MTBE ลดลงจากไตรมาสแรก และยังทำให้ปริมาณขายของผลิตภัณฑ์ยานยนต์และใยผ้าลดลงราว 10% จากไตรมาสก่อน อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์เส้นใยสุขอนามัยนั้นยังคงมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ทำให้ปริมาณขายทั้งหมดจะคงที่จากไตรมาสแรกที่ระดับ 3.3 ล้านตัน
------------------------
บล.บัวหลวง ระบุว่า การใช้ชีวิตในรูปแบบ new normal ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งความต้องการบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม, ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและหน้ากากจะยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ตาม โดยปกติไตรมาส 3 จะเป็นช่วงโลว์ซีซันสำหรับ PET ดังนั้นส่วนต่างราคาอาจอ่อนตัวลงจากไตรมาสก่อน
แต่ในไตรมาสนี้การผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์จะหนุนอุปสงค์ก๊าซโซลีน (รวมทั้ง MTBE)ปริมาณขายของ IVL จึงมีแนวโน้มขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า หนุนโดยอุปสงค์ที่แข็งแกร่งขึ้น หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ทั่วโลก
โดยคาดว่า กำไรหลักในไตรมาส 3/63 จะขยายตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบไตรมาสก่อนหน้า ดีกว่าภาพไตรมาส 3 ในอดีต (โดยปกติไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่อ่อนแอ) แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรหลักคาดว่าจะปรับตัวลดลง กดดันโดยส่วนต่างราคาที่อ่อนตัวลง สำหรับ MEG และผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ
ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับประมาณการกำไรไตรมาส 2-4/63 และรวมคาดการณ์รายการพิเศษสำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 63 เข้าสู่ประมาณการ ฝ่ายวิเคราะห์จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 63 ลดลง 71% มาอยู่ที่ 3,881 ล้านบาท (ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด 59%) และปรับประมาณการกำไรหลักลดลง 47% มาอยู่ที่ 7,237 ล้านบาท (ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด 26%)