คัดสุดยอดหุ้นเด่นประจำเดือน ก.ย.66
เมื่อตลาดทุนมีสัญญาณเป็นบวก
.
เจอกันอีกครั้งสำหรับคอลัมน์ “โพยหุ้น” ประจำวันจันทร์ โดยถือเป็นช่วงเข้าสู่เดือนสุดท้ายของไตรมาส 3/66 กันแล้ว ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าในเดือนนี้มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนับวงการตลาดทุน ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ วัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ ดังนั้น Wealthy Thai จึงได้รวบรวมหุ้นเด่นประจำเดือนก.ย.มาฝากนักลงทุน
.
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มีความเห็นว่า ตลาดหุ้นไทยเดือน ก.ย. คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้น จากแรงหนุนของการเริ่มทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้ความเชื่อมั่นภาคการลงทุนกลับมา และอาจทำให้ Flow ของนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามา
.
รวมถึงเก็งกำไรหุ้นขึ้น “XD” และหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวเป็นตัวช่วยหนุนตลาด ขณะที่ต่างประเทศ คาดว่า Fed จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ ความเสี่ยงของตลาดยังเป็นเรื่องของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่กลับมาฟื้นตัว
.
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน หุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะ หุ้นที่แนวโน้มธุรกิจมีการเติบโต และหากการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น เข้าซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเมือง โดยหุ้น Top Picks เลือก BBL, COM7, GLOBAL, MENA, SAPPE, SEAFCO, SJWD, TOP
.
Stocks Pick ก.ย.66
- BBL (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 195.00 บาท) แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/66 โตเด่นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จาก NIM ขึ้น และสำรองฯลด
.
- COM7 (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท) ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 ได้ผลบวกเปิดตัว iPhone15
.
- GLOBAL (ถือ ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท) มี upside จากแรงหนุนงานโครงการกลับมา หนุนการบริโภคสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง
.
- MENA (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท) ขยายกองรถเชิงรุกควบคู่กับ JV พันธมิตร หนุนผลประกอบการเติบโต
.
- SAPPE (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 120.00 บาท) คาดกำไรครึ่งปีหลังของปีนี้ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากครึ่งปีแรก
.
- SEAFCO (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.50) ไตรมาส 3/66 ขยายตัวดีตามการรับรู้ backlog, รอลุ้นความคืบหน้าสายสีส้ม
.
- SJWD (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท) ไตรมาส 3-4/66 จะฟื้นตัวจากธุรกิจหลัก และเริ่มเห็นผลบวกจาก synergy
.
- TOP (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 60.00 บาท) คาดกำไรไตรมาส 3/66 ฟื้นตัวแรงจากไตรมาสก่อน ตาม crack spread ที่สูงขึ้น
.
ส่วนมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินว่า เดือนกันยายนนี้ จะเป็นช่วงเยียวยา SET Index โดยที่ปัจจัยภายนอกคลุมเครือทั้งเรื่องดีและร้าย หนุนตลาดโลกผันผวนในกรอบแคบ ในส่วนของปัจจัยภายในการเมืองราบรื่น คาด ครม.ชุดใหม่ ทำงานเดือนนี้ แม้กำไรไตรมาส 2/66 ต่ำคาด แต่ฟื้นชัดเจนขึ้นในครึ่งหลังปีนี้ และปี 2567 ซึ่งทุกๆ ปัจจัยสนับสนุนให้ FUND FLOW และสภาพคล่องกลับมาหนุนหุ้นไทย ลุ้นซื้อขาย P/E ที่สูงขึ้นได้ หุ้นเด่นเดือน ก.ย. แนะนำ JMART, BJC, CK, BEM, BBL, AMATA, TOP
.
โดยเดือน ก.ย. ปัจจัยมีทั้งดีและร้ายแต่ด้วยปัจจัยการเมืองเริ่มผ่อนคลาย ปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่าช่วงก่อนหน้าช่วยหนุน SET มี Momentum ปรับขึ้นต่อได้ โดยรายละเอียดปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายใน มีดังนี้
.
ปัจจัยภายนอก 1.วัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ หลังจาก Fed ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วใน 1 ปี 7 เดือน จาก 0.25% มาเป็น 5.5% ซึ่งสูงกว่าเงินเฟ้อปัจจุบันที่ลดลงเหลือ 3.3% พอสมควร ส่งผลให้ตลาดคาด Fed น่าจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปี 2567 ก่อนทยอยปรับลง
.
2.รัฐบาลจีนเตรียมออกมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า และภาคอสังหาฯ มีหนี้สูง พร้อมผิดนัดชำระ ซึ่งประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางตรงกับจีนทั้งทางตรง(เศรษฐกิจ) และทางอ้อม(ตลาดหุ้น)
.
ปัจจัยภายในประเทศ 1.การเมืองมีพัฒนาการเชิงบวกมากเรื่อยๆ หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่มาเกินกว่า 3 เดือนครึ่ง และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ในช่วงที่เหลือของปี ทั้งการลดราคาพลังงาน, ฟรีค่าธรรมเนียม VISA สำหรับนักท่องเที่ยว และความคาดหวังการแจกเงิน Digital 10,000 บาท ในระยะถัดไป
.
2.มูลค่าซื้อขายหุ้นไทยเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังการเมืองคลี่คลาย โดยช่วงเดือน มิ.ย. - ก.ค. 66 อยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท/วัน สู่ระดับ 6 หมื่นล้านบาท/วัน ในช่วงหลังโหวตนายกฯ 3.มีการปรับประมาณการลงทั้งในส่วน GDP Growth และ EPS66 หลังไตรมาส 2 ตัวเลขออกมาต่ำคาด
.
ในมุมผลประกอบการ ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงจาก 1.12 แสนล้านบาท เหลือ 1.09 แสนล้านบาท คิดเป็น EPS66F จาก 91.8 บาท/หุ้น เหลือ 88.6 บาท/หุ้น ประเมินเป้าหมาย SET INDEX ปี 2566 โดยอิง MEYG ที่ระดับ 3.5% จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ที่ 1,541 จุด แต่ถ้าอิง MEYG 3.3% (มูลค่าซื้อขายกลับมาสูงกว่า 6 หมื่นล้านบาท/วัน) จะได้ดัชนีเป้าหมายปี 2566 ที่ 1,595 จุด
.
ส่วน Fund Flow มีโอกาสกลับมาไหลเข้าในช่วงที่เหลือของปี หลังตลาดหุ้นไทยผ่านการปรับฐานลงมาพอสมควร และผ่านช่วงสุญญากาศทางการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วง 2H66 ขณะที่กลุ่มหุ้นที่มีโอกาส Outperform ได้ คือ กลุ่มหุ้นที่มีกำไรเติบโตเด่นในช่วงครึ่งหลังปี 66 คือ PETRO, MEDIA, STEEL, FOOD, INSUR, TRANS, PKG, PROP, และ COMM เป็นต้น
.
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนในเดือน ก.ย. เลือกหุ้นที่ได้ sentiment เชิงบวกในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง และแนวโน้มกำไรฟื้นตัวต่อเนื่อง อย่าง JMART, BJC, CK, BEM, BBL, AMATA,TOP
